วันนี้ (4 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. ชี้แจงกรณีคลิปที่โซเชียลมีการแแชร์ เป็นภาพตำรวจจราจรขับรถนำขบวนวีไอพี แล้วบอกให้รถเลนสวนกัน หลบข้างทาง แต่คนขับไม่หลบ เพราะขับมาถูกเลนแล้วนั้น (อ่านรายละเอียด) ว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 64 เวลา 08.20 น. บนถนนกำแพงเพชร 7 เลียบทางรถไฟ เขตพื้นที่ สน.มักกะสัน ซึ่งมี 2 ช่องทาง โดยปกติถนนเส้นดังกล่าวในช่วงเร่งด่วน เวลา 06.30 - 09.30 น. จะจัดเป็นระบบเดินรถทางเดียวจากแยกซอยวัดอุทัยฯ มุ่งหน้าแยกตัดถนนเพชรอุทัย
แต่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา รถมีปริมาณน้อย จึงไม่ได้จัดตำรวจจราจรไปบริหารจัดการจราจรบริเวณปากซอยดังกล่าว ซึ่งในวันเวลาที่เกิดเหตุ มีรถติดสะสมในถนนกำแพงเพชร 7 เป็นจำนวนมาก ท้ายแถวกระทบไปในพื้นที่ สน.ทองหล่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.มักกะสัน ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรบริเวณแยกศูนย์วิจัย ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ติดต่อกัน ขอให้เร่งระบายรถในเส้นทางดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.มักกะสัน รายดังกล่าว จึงได้ขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปยังปากซอย เพื่ออำนวยความสะดวกในจุดที่รถติด และจะไปกันรถบริเวณปากซอย เพื่อจัดเป็นระบบเดินรถทางเดียว แก้ปัญหารถติดในถนนดังกล่าว พร้อมทั้งประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.มักกะสัน ในจุดที่เป็นพื้นที่รอยต่อช่วยกันเร่งระบายรถ แต่ระหว่างแซงรถช่องทางด้านซ้าย เพื่อจะไปกั้นรถ ที่แยกตัดถนนเพชรอุทัยนั้น ได้มีรถของผู้ร้องเรียน ขับเข้ามาจึงเกิดเหตุการณ์ตามคลิปที่ปรากฏ
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น บช.น. ขอชี้แจงว่า
1.ปกติเส้นทางดังกล่าวช่วงเวลาเร่งด่วน 06.30 น. – 09.30 น. จัดเป็นระบบเดินรถทางเดียว ซึ่งรถในซอยที่คุ้นเคยจะเข้าใจว่า สามารถใช้ได้สองช่องทางเพื่อออกมาปากซอยตัดเพชรอุทัย
2.กรณีของรถนำขบวนวีไอพีนั้น เบื้องต้นเป็นกรณีจราจรได้รับการแจ้งจากรถยนต์คันดังกล่าวว่า มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขณะนั้นรถติดสะสมถึงเขต สน.ทองหล่อ จราจรคันดังกล่าวจึงอำนวยความสะดวกและนำรถยนต์คันดังกล่าวมาเพื่อให้พ้นพื้นที่ที่มีรถติดสะสม ไม่ใช่กรณีเป็นรถนำเป็นการประจำแต่อย่างใด
3.อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว บช.น. ได้สั่งการให้ สน.ทองหล่อ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว หากปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย จะได้ดำเนินการทางวินัยต่อไป
4.กรณีการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา โดยขับรถนำไปดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ หากจะแก้ปัญหาจราจรติดขัดหรือป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ให้ใช้วิธีอื่นที่มีความเหมาะสมแทน ซึ่งจะได้กำชับการปฏิบัติตำรวจจราจรในภาพรวมต่อไป