อองตวน ฮัดดาด ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหาร ได้ทำธุรกิจของเขามานานกว่า 35 ปี แต่ตอนนี้เขาบอกว่า เขาหมดความหวังแล้ว ในขณะที่เลบานอนต้องดิ้นรนกับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ลึกที่สุดในยุคปัจจุบัน
ค่าเงินปอนด์เลบานอนสูญเสียมูลค่าไปประมาณ 90% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ 3 ใน 4 ของประชากรตกอยู่ในฐานะยากจน
สำหรับฮัดดาด ความแตกต่างระหว่างครั้งนี้กับวิกฤตอื่น ๆ ที่เลบานอนเคยประสบ ซึ่งก็รวมถึงสงครามกลางเมืองช่วงปี 2518 - 2533 ก็คือ ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด
“ก่อนหน้านี้ คุณเคยหวังว่า: 'พรุ่งนี้สงครามจะยุติ เราจะทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น และกลับไปยังที่ที่เราเคยอยู่' แต่คราวนี้ มันไม่มีความหวังแล้ว”
“พวกเขา (ผู้มีอำนาจ) สัญญากับเราว่า เราจะมีเงินมากมายอยู่ในมือ และเราก็มีเงินให้เล่นมากจริง ๆ เสียด้วย” เขากล่าวอย่างประชดประชันโดยอ้างถึงกองธนบัตรที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับการซื้อสิ่งจำเป็นพื้นฐานหลังจากสกุลเงินร่วงลงอย่างหนัก
ฮัดดาด ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารเล็ก ๆ มาตั้งแต่ปี 2527 บอกว่า เขาสามารถซื้อน้ำมันมะกอกได้เพียง 10% จากเงินจำนวนเท่า ๆ กันนี้ ที่เขาเคยซื้อได้
รัฐบาลที่กำลังเผชิญกับการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม ขณะที่พยายามรักษาแผนฟื้นฟูของไอเอ็มเอฟ ได้เพิ่มค่าเดินทางสำหรับพนักงาน 3 เท่าเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากบางส่วน แต่เงินเดือนส่วนใหญ่ยังไม่มีการปรับ รวมถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ
มุสซา ยาคุบ เจ้าของผับ ก็ต้องตกตะลึงกับจำนวนเงินที่เขาต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจ
" ผมไม่เคยถือเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลย " เขาบอกขณะที่เขานับเงินจำนวน 10 ล้านปอนด์ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 220, 000 บาทในช่วงก่อนเกิดวิกฤต แต่ตอนนี้น้อยกว่า 16,000 บาทตามอัตราตลาด
เงินจำนวนมหาศาลนั้นเคยใช้สำหรับการดำเนินงานของผับเป็นเวลาหลายเดือน แต่ตอนนี้ใช้จ่ายเพียงสองสามบิล ก็หมดแล้ว
เจ้าของร้านขายของชำ โรนี โบ ราชัด ก็ได้เปลี่ยนวิธีการเก็บเงินในลิ้นชักเก็บเงินของเขา เพราะในขณะนี้ มีการใช้ธนบัตรใบเล็ก ๆ น้อยลง ส่วนเหรียญนั้น แทบไม่มีเลย
“ผมลังเลว่าจะพกติดตัวไปเท่าไหร่เมื่อออกไปข้างนอก บางครั้งผมพก 1 ล้านหรือไม่ก็ 1 ล้าน 5 แสน… คือผมหมายความว่ามันไร้ค่า”
บิลเก็บเงินร้านอาหารบิลเดียวในขณะนี้อาจมีมูลค่ามากกว่ารายได้ของพนักงานบางคน
“ขอพระเจ้าทรงช่วยผู้ที่ไม่มีรายได้หรือไม่สามารถแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้” อาลี จาเบอร์ พนักงานภาคเอกชนบอก