จากกรณี ตำรวจหึงโหด ด.ต.เชิด สงวนศักดิ์ ผบ.หมู่ ( ป.) สภ.เมืองชุมพร จว.ชุมพร หรือ “จ่าเชิด” ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกพังบ้าน ข่มขู่ และใช้กำลังทำร้ายอดีตแฟนสาว รวมถึงบุคคลในบ้านจนได้รับบาดเจ็บ ต่อมา พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) มีคำสั่งถึง พล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร (ผบก.ภ.จว.ชุมพร) เร่งดำเนินการทางวินัย และปกครอง อย่างเด็ดขาด ให้ดำเนินการภายใน 3 วันนั้น
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พล.ต.ต.วิรุฬห์ มีคำสั่งที่ 620/2564 ลง 1 พ.ย. 2564 ให้ ด.ต.เชิด สงวนศักดิ์ หรือ “จ่าเชิด”ออกจากราชการไว้ก่อน ตามความในมาตรา 95 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกับกฏ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1)โดยกล่าวหาว่า
ด.ต.เชิด ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ความผิดฐานบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยมีอาวุธติดตัว , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น , ทำให้เสียทรัพย์ , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว , ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวตกใจโดยการขู่เข็ญ , ชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ และกระทำความรุนแรงในครอบครัว รวม 6 ข้อหา
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่ง ภ.จว.ชุมพร ที่ 619/2564 ลง 1 พ.ย.2564 แต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย คู่ขนานไปกับการดำเนินคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้กับ พงส.สภ.เมืองชุมพรไว้แล้ว
ด้านพล.ต.อ.วิสนุ เผยว่า ได้รับรายงานข้อสั่งการจาก พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 (ผบช.ภ.8) ที่ได้เร่งรัดดำเนินการตามคำสั่งของตนภายใน 3 วัน และ พิจารณาแล้วเป็นกรณีที่ปรากฏหลักฐานการกระทำผิดชัดเจน เพียงพอที่จะใช้ความเด็ดขาดตาม กฏ ก.ตร.สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง และไม่ให้มีผลกระทบต่อการรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ไว้
“เรื่องนี้ แม้จะมีการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว แต่ได้สั่งการให้ จเรตำรวจติดตามการดำเนินการทั้งคดีอาญา และการดำเนินการทางวินัยต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริงต่อไป”