วิกฤติน้ำมันดีเชล ราคาขึ้นสูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่เพียงต่อผู้ประกอบการที่มีต้นทุนเชื่อมโยงกับน้ำมัน เช่น ค่าขนส่ง หากแต่ประชาชนที่เดินตามท้องถนนก็ได้รับผลก็ทบไปตามๆ กัน
ขณะที่วันนี้ 1 พ.ย. กลุ่มรถบรรทุกทั่วประเทศ จำนวน 7,000 - 8,000 คัน ได้หยุดวิ่งรถขนส่งสินค้า เพื่อกดดันรัฐบาลลดราคาน้ำมันเหลือ 25 บาท เป็นเวลา 1 ปี และพร้อมจะยกระดับปิดล้อมเมือง หากรัฐยังไม่ช่วยเหลือ
หลังจากที่ตอนนี้ได้ปรับขึ้นเป็น 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีโอกาสจะปรับสูง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลส่งผลให้ราคาวัตถุดิบ และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับสูงขึ้นด้วย ผู้บริโภคต้องทำใจ และเตรียมรับมือกับราคาสินค้าที่จะขยับขึ้น เพราะทุกครั้งเมื่อราคาสินค้าคอมมูนิตี้ปรับขึ้นแล้วยากที่จะปรับลดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
สำหรับการหยุดวิ่งรถขนส่งของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อกดดันรัฐบาลให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร มองว่าจะกระทบกับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ไม่มีรถขนส่งของตัวเอง แต่บริษัทขนาดใหญ่คงไม่เป็นปัญหาเนื่องจากมีรถและระบบขนส่งเป็นของตัวเอง จึงอยากให้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันวันที่ 3 พ.ย. นี้ ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คงจะติดตามผลจากการเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนเคยเสนอไป หลังจากที่รัฐได้ขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะ ทำให้สามารถก่อหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เป็นเรื่องจำเป็น และรัฐยังมีเงินกู้จาก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาทปี 2564 ประกอบกับอยากให้ฟื้นโครงการช้อปดีมีคืน จะช่วยเพิ่มเม็ดช่วงที่เหลือของปีนี้ได้มากกว่าโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ต้องใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มกำลังซื้อสูง
ส่วนการกลับมาเปิดประเทศจะเป็นความหวังของภาคเอกชนที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงินจากที่ผู้ประกอบการจะกลับมาทำธุรกิจปกติ
หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่กลับมาระบาดอีกรอบ และรัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ได้ 110 ล้านโดส ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า จะทำให้นักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยช่วงที่เหลือ 2 เดือนของปีนี้ 6 แสนคน และปีหน้าจะสูงถึง 10 ล้านคน จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวตาม 1-1.5 % และปีหน้าขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6%