
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง พร้อมทีมทนายความ เดินทางมา ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยขอให้ศาล เพิกถอนข้อกำหนดที่ออกในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุม และขอให้ศาลอนุญาตให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน คุ้มครองชั่วคราว การชุมนุมในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ที่แยกราชประสงค์
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยยื่นขอให้ศาลเพิกถอนข้อกำหนดดังกล่าวหลายครั้ง แต่ศาลได้ยกคำร้อง ซึ่งครั้งนี้ก็หวังว่าศาลจะเพิกถอนข้อกำหนดดังกล่าว และอนุญาตให้มีการไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชั่วคราว การชุมนุมในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ที่แยกราชประสงค์
ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีการจัดเพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 และเห็นว่าในวันที่ 1 พ.ย. นี้จะมีการเปิดประเทศเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่ทางรัฐบาลจะต้องจำกัดสิทธิ์การชุมนุมของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาการชุมนุมของกลุ่มราษฎรฯ ยืนยันชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ
ต่อมาเวลา 22.48 น.ศาลเเพ่งได้ออกเอกสารข่าวกรณีดังกล่าว ระบุ ศาลแพ่งได้ออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งอันสรุปใจความได้ว่า“ แม้ข้อกำหนดและประกาศตามฟ้องที่มีเนื้อหาห้ามมิให้มีการชุมนุมจะเป็นการกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็นหรือการชุมนุม แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เป็นข้อเท็จจริงซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปว่ายังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ทั้งได้ความตามคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินของโจทก์ทั้ง4ว่าในวันที่ 31 ต.ค.64 จะมีประชาชนทำกิจกรรมรวมตัวกันไม่น้อยกว่า 10,000 รายอันมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีการแพร่ระบาดของโรคที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยสาธารณะ กรณีจึงยังคงมีความจำเป็นที่ต้องบังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวต่อไปเพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคและประโยชน์สาธารณะโดยส่วนรวม
ทั้งนี้หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เปลี่ยนแปลงไปและส่งผลให้ความปลอดภัยสาธารณะโดยส่วนรวมขึ้นก็อาจจะไม่มีความจำเป็นในการบังคับใช้ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวต่อไป
ในชั้นนี้ตามคำร้องของโจทก์ทั้ง4จึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(2) มาบังคับใช้ให้ยกคำร้อง