ปตท.สผ. เผยกำไรสุทธิ 9 เดือน 2.8 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 39% หลังคลายล็อกโควิด

     วันนี้ (28 ต.ค.) นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี  64 ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 890 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 28,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 639 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 20,137 ล้านบาท มีรายได้รวม 5,331 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบเท่า 168,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนมีรายได้ 4,082 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 128,369 ล้านบาท

     เนื่องจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 414,516 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 344,909 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเข้าร่วมทุนในแปลง 61 ประเทศโอมาน และการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย-แปลงเอช ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณขายให้กับบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 ประกอบกับผู้ซื้อก๊าซได้เรียกรับก๊าซธรรมชาติจากโครงการในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น

     อีกทั้งราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 42.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 39.69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยบริษัทสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ 28.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

     หากพิจารณาเป็นไตรมาส ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 292 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 9,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 230 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 7,202 ล้านบาท จากการเติบโตของปริมาณการขายและราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีรายได้รวม 1,784 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 58,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,305 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 40,887 ล้านบาท

     นอกจากนี้ ผลจากการดำเนินแผนกลยุทธ์ Execute & Expand สามารถเพิ่มเป้าหมายการขายเฉลี่ยขึ้นอีกครั้งเป็น 417,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากที่ได้ปรับเพิ่มไปแล้วในไตรมาส 2 ที่ 412,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ประกอบกับการเข้าร่วมลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ และการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซอย่างต่อเนื่องในมาเลเซีย ทำให้บริษัทเติบโตในระยะยาว

     “ธุรกิจพลังงานเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเป็นผลมาจากที่หลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรปรวมทั้งประเทศไทยมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์และการเดินทาง ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้นและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม นับเป็นสัญญาณที่ดีกับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึง ปตท.สผ.”