จากการที่เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี "ประยุทธ์ 2/2" จำนวน 7 คน 8 ตำแหน่ง ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ อ่านต่อที่ โปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 2/2 จำนวน 7 คน 8 ตำแหน่งล่าสุด นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามเกี่ยวกับการแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนใหม่ (เปิดเส้นทาง"สุพัฒนพงษ์"ตาอยู่ซิวเก้าอี้พลังงาน?) โดยระบุข้อความดังนี้...
"รัฐมนตรีพลังงานเพื่อประชาชนจริงหรือ?"
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า เป็นการวางแผนงานด้านนโยบายและการกำกับดูแลพลังงาน เพื่อประชาชน หรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนายทุน
ไม่มีธุรกิจใดที่มีปัญหาเส้นแบ่งเขตผลประโยชน์ระหว่างประชาชนกับนายทุน มากเท่ากับธุรกิจพลังงาน เพราะพลังงานเป็นผลิตภัณฑ์ที่บังคับใช้
สินค้าบริโภคทั่วไป ถ้าสินค้าใดราคาแพง ถ้านายทุนเอากำไรเกินควร ประชาชนก็สามารถเปลี่ยนไปบริโภคสินค้าอื่นแทนได้
แต่ประชาชนไม่สามารถหาทางเลือกอื่นแทนพลังงานได้ ไม่ว่าน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม หรือปิโตรเคมี
ดังนั้น ผลผลิตด้านพลังงานจึงมีลักษณะเป็น บวกกันได้ศูนย์ หรือ zero sum ถ้าเส้นแบ่งผลประโยชน์เบี่ยงไปเข้ากระเป๋านายทุนมากขึ้น ประโยชน์ต่อประชาชนก็จะน้อยลงอัตโนมัติ
ในธุรกิจอื่นที่มีการแข่งขันกันอย่างเสรี หรือมีสินค้าทดแทนใกล้เคียง เส้นแบ่งผลประโยชน์จะอยู่ในจุดที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยกลไกของตลาดเสรี
แต่ในธุรกิจที่การแข่งขันไม่เสรี กรณีที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่มีอำนาจเหนือตลาด ทางการจะต้องเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้การแบ่งผลประโยชน์เป็นธรรม
อย่างไรก็ดี ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงชัดเจนว่า ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล รวมทั้งการกำหนดกติกา บางกรณีมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของนายทุน หรือไม่?
ตัวอย่างเช่น การเสนอยกเลิกเพดานราคาก๊าซหุงต้มสำหรับภาคครัวเรือน ที่หลายรัฐบาลกำหนดเพดานคุมไว้ เพราะปริมาณที่ครัวเรือนใช้นั้น เป็นปริมาณที่ผลิตจากอ่าวไทย
ปรากฏว่ากระทรวงพลังงานได้เสนอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยกเลิกเพดานดังกล่าว เปลี่ยนไปอิงราคาตลาดโลกแทน แต่โดยบวกราคาขนส่งจากซาอุดิอะราเบียมาไทย ทั้งที่ไม่มีการขนส่งจริง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของไทยที่อิงราคาสิงค์โปร บวกค่าขนส่งเทียมมาไทย ทั้งที่ไม่มีการขนส่งจริง
หลักการบวกค่าขนส่งเทียมนี้ควรจะยกเลิก แต่ก็ไม่ปรากฏว่ากระทรวงพลังงานได้เสนอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยกเลิกหลักการนี้แต่อย่างใด
อีกเรื่องหนึ่งที่มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ คือการกำหนดราคาเอทานอลเพื่อผสมเป็น Gasohol ซึ่งใช้ราคา 23 บาท/ลิตร ทั้งที่ราคาตลาดโลกต่ำกว่ามาก ที่ 10 บาท/ลิตร (ดูรูป)
ในขณะที่กระทรวงพลังงานเสนอให้ใช้ราคาตลาดโลกสำหรับกลั่นน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม แต่สำหรับเอทานอล กลับยึดราคาที่ไม่ได้โยงกับสภาวะตลาด และไม่ชัดเจนว่าผลประโยชน์ส่วนต่างไปตกในกระเป๋าของเกษตรกรหรือของนายทุนผูกขาดรายใด
นอกจากนี้ ถามว่าหลักการที่ ยิ่งผสม ยิ่งแพง จนต้องอาศัยเงินจากกองทุนน้ำมันมาชดเชยนั้น ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร?
ประวัติการทำงานของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์นั้น อยู่ในกลุ่มบริษัท ปตท. มาตลอด ดังนี้
ประสบการณ์การทำงาน (5 ปีย้อนหลัง)
ประชาชนจึงย่อมสงสัยได้ว่า พลเอกประยุทธ์จงใจแต่งตั้งบุคคลที่มีผลประโยชน์ขัดกันเข้าเป็นรัฐมนตรีพลังงานหรือไม่?
ถ้าใช่ ก็จะเข้าข่ายเป็นการแต่งตั้งเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน อันเป็นการมองข้ามหัวประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
วันที่ 6 สิงหาคม 2563
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ