รัฐประหารซูดาน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

สำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และบาดเจ็บอีก 140 คน หลังจากทหารยิงใส่ฝูงชนที่ต่อต้านการยึดอำนาจการปกครองโดยกองทัพในซูดาน ขณะที่สหภาพการแพทย์ซูดานรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกประมาณ 80 คน

ผู้ประท้วงพากันออกมาตามท้องถนน หลังกองทัพยุบการปกครองของฝ่ายพลเรือน จับกุมผู้นำทางการเมือง และประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ ( 25 ตุลาคม )

มีรายงานว่าทหาร ได้ไปตามบ้านเรือนในกรุงคาร์ทูม ซึ่งเป็นเมืองหลวง เพื่อจับกุมผู้จัดการประท้วงในท้องที่

เหตุการณ์การยึดอำนาจในครั้งนี้ ถูกประณามไปทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศระงับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่ให้ต่อประเทศนี้ทันที  700 ล้านดอลลาร์

ด้านผู้นำการยึดอำนาจ พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ บูร์ฮาน ตำหนิว่าการต่อสู้กันทางการเมืองเป็นต้นเหตุของการดำเนินการทางทหาร

ผู้นำพลเรือนและผู้นำทางทหารขัดแย้งกันนับตั้งแต่ผู้นำประเทศที่อยู่มายาว นานอย่างโอมาร์ อัล-บาชีร์ ถูกโค่นล้มเมื่อ 2 ปีก่อน

ในการประท้วงจนถึงเเวลาค่ำของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงจำนวนมากออกมารวมตัวกันอยู่บนถนนในกรุงคาร์ทูม และเมืองอื่นๆ เพื่อเรียกร้องให้นำการปกครองแบบพลเรือนกลับคืนมา 

ผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บรายหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาถูกกองทัพยิงที่ขา ที่ด้านนอกกองบัญชาการทหาร ขณะที่ชายอีกคนหนึ่งบรรยายว่าทหารยิงระเบิดเสียงลูกแรก จากนั้นก็ใช้กระสุนจริง

ผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งบอกว่า “มีคนสองคนเสียชีวิต ผมเห็นพวกเขากับตา” ขณะที่สหภาพแพทย์ของซูดานและกระทรวงข้อมูลก็รายงานบน Facebook ว่าเหตุกราดยิงเกิดขึ้นนอกบริเวณค่ายทหาร

ภาพจากโรงพยาบาลในเมืองเผยให้เห็นผู้คนที่มีเสื้อผ้าเปื้อนเลือดและได้รับบาดเจ็บต่าง ๆ

ผู้ประท้วงพากันนปิดถนนด้วยกองอิฐและการเผายาง ผู้หญิงหลายคนก็เข้าร่วมด้วย โดยตะโกนว่า "ไม่ขออยู่ภายใต้การปกครองของทหาร"

สนามบินของเมืองถูกปิด เที่ยวบินระหว่างประเทศถูกระงับ อินเทอร์เน็ตและสายโทรศัพท์ส่วนใหญ่ก็ล่มเช่นกัน

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางก็ผละงานประท้วง และในระดับทั่วประเทศ แพทย์ปฏิเสธที่จะทำงานในโรงพยาบาลของกองทัพ ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน

ขณะที่ผู้นำโลกแสดงท่าทีตื่นตระหนกต่อข่าวการยึดอำนาจของทหาร

สหรัฐฯ ได้เข้าร่วมกับสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป สหประชาชาติ และสหภาพแอฟริกา ซึ่งซูดานเป็นสมาชิกอยู่ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้นำทางการเมืองซึ่งขณะนี้ถูกกักบริเวณในบ้านที่ไม่ทราบสถานที่

ในจำนวนนี้ ก็มีนายกรัฐมนตรีอับดัลลา ฮัมดอก และภริยา พร้อมด้วยสมาชิกคณะรัฐมนตรี และผู้นำพลเรือนคนอื่น ๆ

หน่วยความมั่นคงพิเศษของกองทัพได้ไปที่บ้านของนายกรัฐมนตรีในเช้าวันจันทร์ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร แต่เขาปฏิเสธ

ก่อนหน้านี้ ซูดานอยู่ในข้อตกลงของการแบ่งปันอำนาจระหว่างผู้นำพลเรือนและกองทัพ นับตั้งแต่ที่โอมาร์ อัล-บาชีร์ ผู้นำคนเดิม ถูกโค่นล้มในปี 2562

ข้อตกลงดังกล่าวออกแบบมาเพื่อนำซูดานไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่กลับกลายเป็นความโกลาหลจากความพยายามรัฐประหารหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ บูร์ฮาน ซึ่งเป็นแกนนำในข้อตกลงแบ่งปันอำนาจ แต่ปัจจุบันเป็นผู้นำการทำรัฐประหารครั้งล่าสุด บอกว่า จำเป็นต้องมีการเข้ายึดอำนาจเพื่อ "แก้ไขแนวทางการปฏิวัติ" อันเนื่องมาจากการปะทะกันทางการเมือง

เขาบอกว่าซูดานยังคงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนไปสู่การปกครองแบบพลเรือน โดยจะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2566 แต่ผู้ประท้วงไม่ยอมรับเหตุผลของเขา