ร้านสักลาย มีความหวัง ธุรกิจ กลับมา คึกคัก หลังเปิดประเทศ

นายกสมาคมผู้ประกอบการสักลาย  และ  เจ้าของร้าน Divine Ink Tattoo (ดีวาย อิ้งค์ แทตทู) กฤตย์ 

เหลืองเช็ง พูดถึงผลกระทบที่ผ่านมา ว่า  ร้านสักเป็นกลุ่มแรกๆที่ถูกสั่งให้ปิด และได้กลับมาเปิดเป็นกลุ่มท้ายๆ  ซึ่งขณะนี้  เปิดให้บริการตามปกติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ภายหลังจาก  ศบค.ประกาศผ่อนคลาย  ภายใต้เงื่อนไข ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด อย่าง

ร้าน Divine Ink Tattoo  ทั้งผู้สักและลูกค้าต้องฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม หรือ  ในกรณีลูกค้ายังฉีดวัคซีนไม่ครบ ก็ต้องนำผลจากชุดตรวจ ATK มายืนยันว่า  “ผลเป็นลบ”  รวมถึงเว้นระยะห่างระหว่างตัวบุคคลในร้าน และยังเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่จองออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้น

" มีความหวังว่า   ร้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงหลังปีใหม่ เพราะว่าช่วงเวลานั้น เมื่อเปิดประเทศแล้วจะมีทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ เข้ามา แต่ลึกๆแล้วยอมรับ ว่า ยังมีความกังวล ว่า  หากเปิดประเทศแล้ว ทางรัฐบาลบริหารจัดการไม่ดีพอ มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น และอาจต้องถูกสั่งให้ปิดร้านอีกครั้ง แต่หากทุกคนช่วยกัน ก็หวังว่า จะผ่านพ้นไปได้"

เขาเล่า ว่า ในช่วงที่ผ่านมานับแต่กลับมาเปิดให้บริการ ร้านยังคงเงียบเหงา เพราะลูกค้า ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในภาพรวม  ทุกวันนี้ ยังมีลูกค้าแค่เพียงวันละหนึ่งคน แต่ก็ยอมรับ ว่า เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ ในตอนนี้  

สำหรับการปรับตัว ในช่วงที่ผ่านมา  อาศัยการประหยัด และทำอาชีพเสริมเล็กๆน้อยๆ  เช่นวาดภาพขายทางออนไลน์  แต่ ไม่มีการรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ เพราะในช่วงแรกที่เกิดการระบาด  ศบค.ได้เชิญทางสมาคมฯ ร่วมพูดคุย และศบค. ก็ตอบรับข้อเสนอของทางสมาคมฯ จึงเห็นว่า  เมื่อพูดคุยแล้ว  จึงไม่จำเป็นต้องเรียกร้องเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่า ศบค.ยังมองเห็นความสำคัญของกลุ่มกิจการสักลาย 

“ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้เยียวยา  กลุ่มอาชีพสักลาย มิหนำซ้ำจำนวนเงินยัง มีไม่เพียงพอ  เมื่อเทียบกับช่วงที่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ  ผมเข้าใจ เนื่องจากได้รับผลกระทบกันทุกอาชีพ  และขอขอบคุณทางรัฐบาล และ ศบค.ที่ให้เกียรติอาชีพสักลาย และมีการเชิญไปพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและตอบรับต่อข้อเสนอของทางสมาคมฯ ส่วนข้อเสนอไปยังรัฐบาลนั้น  ทุกอย่างค่อยๆคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและควรคงประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น” นายกสมาคมผู้ประกอบการสักลาย กล่าว