svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เคปทาวน์เร่งตัดต้นไม้ แก้ปัญหาเมืองขาดน้ำ

19 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในขณะที่ทั่วโลกรณรงค์เรื่องการปลูกต้นไม้ ละเว้นการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการอนุรักษ์น้ำ แต่เมืองเคปทาวน์ ในแอฟริกา กลับทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป พวกเขาเร่งตัดต้นไม้ เพื่ออนุรักษ์น้ำ

บนภูเขาแฟรนส์ชอก ( Franschhoek ) ของแอฟริกาใต้ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งได้จัดส่งคนงานที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษสำหรับการกำจัดต้นสนผู้รุกราน ซึ่งกำลังดูดน้ำจากพื้นที่กักเก็บน้ำของเขื่อนใหญ่ที่ส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงผู้อยู่อาศัยในเมืองเคปทาวน์หลายล้านคน 

 

พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ทะเยอทะยาน ในอันที่จะกำจัดต้นไม้จากต่างถิ่นจากพื้นที่ 54,000 เฮกตาร์ภายในปี 2568 ในกระบวนการเพื่อกู้คืนน้ำที่สูญเสียไปประมาณ 5 หมื่น 5 พันล้านลิตรในแต่ละปี ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายน้ำประปาไปยังเมืองที่กำลังเติบโตแห่งนี้ได้นานถึง 2 เดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ความแห้งแล้งอาจจะเกิดขึ้นทั่วแอฟริกาใต้ในอนาคต

 

ด้วยการใช้เลื่อยมือสำหรับตัดต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่บนหน้าผาสูงชัน หรือการใช้เลื่อยยนต์สำหรับต้นไม้ที่มีอายุมากกว่าบนพื้นดินที่แน่นกว่า ทีมงานได้ตั้งค่ายพักแรมในจุดที่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,000 ฟุต เพื่อใช้ที่นี่เป็นฐานของการทำงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์

 

เนลิซีเว เอ็มเธมบู เจ้าหน้าที่จากกองทุนน้ำ บอกว่า " เราต้องตัดต้นไม้ต่างถิ่นเหล่านี้ พวกมันกินน้ำมากกว่าพืชพื้นเมือง"

เคปทาวน์เร่งตัดต้นไม้ แก้ปัญหาเมืองขาดน้ำ

 

ทีมงานจาก " กองทุนน้ำเกรตเตอร์เคปทาวน์ " กำลังตั้งเป้าไปที่การทำลายต้นไม้ต่างถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นสน แต่ก็ยังรวมถึงต้นอะคาเซีย และยูคาลิปตัสจากออสเตรเลีย ซึ่งกินพื้นที่เป็นเสมือนพรมสีเขียวเข้มยาวไกลไปจนสุดลูกหูลูกตาที่ด้านข้างของภูเขา

 

หลุยส์ สแตฟฟอร์ด ผู้อำนวยการประจำแอฟริกาใต้ของ The Nature Conservancy ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติที่เป็นผู้นำกระบวนการกำจัดต้นไม้ในพื้นที่สูงบอกว่า " ต้นสน โดยหลักแล้ว เป็นสาย
พันธุ์ที่รุกรานหลักที่เราพบในแหล่งกักเก็บน้ำ และเป็นผลให้ต้องมีการกำจัดในครั้งนี้ เคปทาวน์สูญเสียน้ำประปาไป 2 เดือนทุกปี นั่นคือ 5 หมื่น 5 พันล้านลิตรต่อปี และถ้าเราไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปัญหาการสูญเสียน้ำ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 20 ปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินการในตอนนี้และต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด "

 

ด้วยการนำเข้ามาในเมืองเคปทาวน์จากยุโรปเป็นครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันต้นสน เป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมป่าไม้เชิงพาณิชย์ของแอฟริกาใต้ แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าหากไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ เมล็ดเล็ก ๆ ของพวกมัน ก็จะกระจายตัวได้ง่ายตามสายลม ทำให้พวกมันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากแปลงปลูกชานเมือง ไปยังอุทยานแห่งชาติ และหุบเขาลึกที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

 

ในการเผาไหม้ มันจะต้องความร้อนแรงมากกว่าพืชพรรณพื้นเมือง ซึ่งต้องใช้ไฟป่าเป็นระยะเพื่อช่วยในการฟื้นฟูต้นใหม่  ต้นสนและต้นไม้ต่างถิ่นอื่น ๆ ยังคุกคามความหลากหลายของพืชพื้นเมืองในพื้นที่ Cape Floral Region ซึ่ง 70% ของพืชที่นี่ ไม่พบในที่อื่นใดบนโลกใบนี้

เคปทาวน์เร่งตัดต้นไม้ แก้ปัญหาเมืองขาดน้ำ

ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากทางเมือง และการบริจาคจากภาคธุรกิจ รวมถึง Coca-Cola การกำจัดต้นสนถูกดำเนินการอย่างรวดเร็วในปี 2018 เมื่อเมืองเคปทาวน์รอดอย่างหวุดหวิดกับการที่ก๊อกน้ำตามบ้านจะมีแต่ลม ในช่วงวิกฤตที่เกิดจากภัยแล้งที่เรียกกันว่า "Day Zero"  ที่เกิดการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากการที่ระดับน้ำในเขื่อนลดลงเหลือ 18% และประชาชนถูกบังคับให้ปันส่วนการใช้น้ำอย่างเคร่งครัดในปริมาณแค่ 25 ลิตรต่อคนต่อวัน

 

จากการวิจัยเมื่อปีที่แล้วโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและคณะบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA ระบุว่า เคปทาวน์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่เลื่องชื่อจากฉากหลังที่เป็นภูเขา ชายหาด และฟาร์มไวน์ในบริเวณใกล้เคียง เผชิญกับโอกาสเกิดภัยแล้งแบบ 'Day Zero' อีกครั้งถึง 80% ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราปัจจุบัน 

เคปทาวน์เร่งตัดต้นไม้ แก้ปัญหาเมืองขาดน้ำ

 

logoline