สหรัฐฯ เปิดเผยว่าจะเปิดพรมแดนอีกครั้งสำหรับนักเดินทางจาก 33 ประเทศที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในวันที่ 8 พฤศจิกายน
ภายใต้กฎใหม่ที่ประกาศโดยทำเนียบขาว ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และมีผลตรวจเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในประเทศได้
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดของข้อจำกัดที่เข้มงวดที่นำมาใช้สำหรับนักเดินทางตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
กฎใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้กับประเทศในกลุ่มเชงเก้น ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศในยุโรป 26 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร บราซิล จีน อินเดีย อิหร่าน ไอร์แลนด์ และแอฟริกาใต้
ภายใต้กฎปัจจุบัน ห้ามการเข้ามาในประเทศของผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองอเมริกันส่วนใหญ่ ที่เคยเข้าไปอยู่สหราชอาณาจักร จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่าน บราซิล หรืออีกหลายประเทศในยุโรปภายใน 14 วันที่ผ่านมา
แต่นโยบายดังกล่าวก็มีความขัดแย้ง เนื่องจากผู้โดยสารจาก 150 ประเทศ ซึ่งหลายประเทศประสบปัญหาการติดเชื้อโควิดในระดับสูง ก็ยังคงเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ
เจ้าหน้าที่ประกาศว่าผู้ที่เคยฉีดวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA หรือได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลกจะมีคุณสมบัติภายใต้ระบบนี้
ในกรณีการใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน จะครอบคลุมผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้า ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักร รวมถึงซิโนแวค และ ซิโนฟาร์มของจีน
มีการยืนยันด้วยว่าผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องถูกกักตัว เมื่อเข้าประเทศ
การประกาศดังกล่าวได้รับการเฉลิมฉลองอย่างรวดเร็วโดยนักเดินทางทั่วโลก
สหรัฐฯ ล้าหลังกว่าประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศในการยกเลิกการจำกัดการเดินทาง ทำให้เกิดความขัดแย้งกับพันธมิตรจำนวนหนึ่ง