เปิดชื่อ 27 ประเทศเสี่ยงต่ำ บินมาเที่ยวไทยแบบไม่ต้องกักตัว

     เป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับคนไทยและประเทศไทย กรณีเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (11 ต.ค.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงถึงแผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของประเทศไทย 

     โดยใจความสำคัญคือการดีเดย์เปิดประเทศ ในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย. โดนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวหากมีเงื่อนไขสำคัญ 3 ข้อประกอบด้วย

1.นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องฉีดวัคซีนครบโด๊ส (เป็นวัคซีน ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO)  

2.นักท่องเที่ยวต้องมีผลตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR จากประเทศต้นทางและตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าไทย

3.สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าไทยทางอากาศเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับทางรถและทางเรือ

     ซึ่งเบื้้องต้น รัฐบาลเตรียมอนุมัติเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกลุ่ม 10 ประเทศนำร่อง มีการเปิดเผยชื่อก่อน 5 ประเทศ ประกอบด้วย อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, สิงคโปร์, จีน 

     จากนั้นภายในวันที่ 1 พ.ย. และ 1 ม.ค. 2565 เตรียมทยอยปลดล็อกรายชื่อประเทศให้มากขึ้น

ส่วนการประกาศรายชื่อกลุ่ม 10 ประเทศอย่างเป็นทางการ ต้องรอที่ประชุม ศบค.อนุมัติ แต่ประเมินล่วงหน้าได้จากการที่ ศบค. ต้องยึดหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข เรื่องแบ่งกลุ่มประเทศและดินแดน มีความความเสี่ยงสูง-กลาง-ต่ำ จากสถานการณ์โควิดโดยใช้ดัชนีชี้วัด 3 ตัว

1.จำนวนผู้ป่วยโควิด ย้อนหลัง 14 วันของประเทศนั้นๆ

2.ใช้ดัชนีการประเมินผลตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International HealthRegulations 2005) โดยผู้เชี่ยวชาญภายนอกประเทศประเมินร่วมกัน

3.ใช้ดัชนีการจัดอันดับประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิดใน 184 ประเทศทั่วโลกขององค์กร GCI Global Advisory Council ด้วยการใช้ Global COVID-19 Index (GCI)

     จากการตรวจสอบด้วยเงื่อนไขดังกล่าว การจัดกลุ่มประเทศและดินแดนเสี่ยงต่ำ ที่จัดทำโดยกรมควบคุมโรค ฉบับล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.2564 พบว่า มีประเทศและดินแดนความเสี่ยงต่ำทั้งหมด 27 ประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ ศบค. จะทยอยปลดล็อกให้เข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัว มีรายชื่อประกอบด้วย 

     อันดอร์รา, ออสเตรเลีย, บาห์เรน, สาธารณรัฐเช็ก, โดมินิกา, ฮ่องกง, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มาเก๊า, มอลตา, มอลโดวา, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, กาตาร์, ซานมารีโน, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, ไต้หวัน, อุรุกวัย, บาร์เบโดส, จีน, โครเอเชีย

     ส่วน เยอรมนี แม้อยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงปานกลาง แต่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง ขณะที่ อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา อยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูง แต่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงเช่นกัน

     ต้องยอมรับการตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาล คือไม่รอให้เชื้อไวรัสโควิด-19 หมดไปจากโลก และไม่รอให้คนไทยฉีดวัคซีนครบ 2 โด๊ส แต่ขอทุกคนต้องเรียนรู้ที่อยู่กับโควิด-19 การตัดสินใจเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวครั้งนี้มาพร้อมความเสี่ยง ทั้งเรื่องตัวเลขคนติดเชื้อที่จะพุ่งขึ้นและอาจเกิดเชื้อกลายพันธุ์ แต่เพื่อการเดินหน้าของประเทศชาติและเศรษฐกิจ จึงถือเป็นความเสี่ยงที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน