อังกฤษถอนชื่อไทย พ้น"บัญชีแดง"เดินทางเข้าไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่ 11 ต.ค.นี้

สำนักข่าว BBC เปิดเผยว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร ประกาศถอนไทย พร้อมอีก 46 ประเทศและดินแดนออกจาก "บัญชีแดง" อันหมายถึง กลุ่มประเทศและดินแดนที่มีความเสี่ยงสูงสุดในการเดินทางไปเยือน

 

 

ดังนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.นี้ ผู้ที่เดินทางมาจากไทยและฉีดวัคซีนโควิดครบโดสของ 4 ยี่ห้อหลักของชาติตะวันตก สามารถเดินทางเข้าอังกฤษ (England) โดยไม่ต้องกักตัว

 

 

ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ไม่มีถิ่นพํานัก (นักเดินทางทั่วไป) ที่เดินทางจากประเทศไทยหรือผ่านประเทศไทยในรอบ 10 วันที่ผ่านมา จะไม่สามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้ ในขณะที่ผู้ที่มีถิ่นพำนัก (ศึกษาต่อหรือทํางาน) ยังที่จะสามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้ แต่จะต้องกักตัวในโรงแรมที่กําหนดเป็นระยะเวลา 10 วัน โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-3,000 ปอนด์/ราย หรือประมาณ 89,000-135,000 บาท

นายกรานต์ แชปป์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงขนส่ง ระบุวันที่ 7 ต.ค. ว่า

รัฐบาลได้ปรับลดประเทศในบัญชีสีแดงจาก 54 ประเทศ เหลือเพียง 7 ประเทศ ได้แก่ โคลอมเบีย, โดมินิกัน, เอกวาดอร์, เฮติ, ปานามา, เปรู และเวเนซุเอลา

 

ความเปลี่ยนแปลงตามบัญชีใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 04:00 น. ของวันจันทร์ที่ 11 ต.ค. 2564 ตามเวลาอังกฤษ

"การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนกลับมาเดินทางอีกครั้งเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ข้อบังคับที่ลดลงจะทำให้ประชาชนเดินทางมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราก้าวไปสู่เส้นทางการฟื้นตัวด้วยกันอย่างปลอดภัย" นายแชปป์ส แถลง

ประเทศไทย ถูกประกาศให้อยู่ในบัญชีสีแดงเมื่อปลายเดือน ส.ค. แต่เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2564 หนังสือพิมพ์ซันเดย์เทเลกราฟรายงานว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตรียมยกเลิกกฎบังคับกักตัวสำหรับผู้เดินทางมาจากเกือบทุกประเทศ จาก 54 ประเทศ เหลือ 9 ประเทศ ตอนนี้ ผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาจากประเทศบัญชีสีแดง แต่ฉีดวัคซีนครบ ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อโดยวิธีตรวจแบบพีซีอาร์ (PCR) หรือแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว (Rapid Antigen Test) ก่อนเดินทางมาแล้ว และรัฐบาลสหราชอาณาจักรบอกว่า จากสิ้นเดือน ต.ค. เป็นต้นไป

 

ดังนั้น ประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาอังกฤษจะไม่ต้องตรวจโควิดด้วยวิธีตรวจแบบพีซีอาร์ 2 วันหลังมาถึงแล้ว โดยจะสามารถใช้วิธีตรวจแบบ Lateral Flow Test (LFT) ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยอุปกรณ์ทดสอบอย่างง่ายและรวดเร็ว และราคาถูกกว่า แทน

 

อย่างไรก็ดี ชาติอื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรยังไม่ได้บอกว่าจะทำตาม บุคคลผู้มีสิทธิข้างต้นต้องฉีดวัคซีนชนิดที่อังกฤษรับรองแล้วครบโดสอย่างน้อย 14 วันก่อนเข้าประเทศ ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า, ไฟเซอร์, โมเดอร์นา หรือ แจนเซน/จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

 

หากยังฉีดไม่ครบโดส หรือรับวัคซีนที่อังกฤษไม่รับรอง ยังต้องทดสอบผลโควิด 1 ครั้ง 3 วันก่อนเดินทางเข้าอังกฤษ หลังจากนั้นต้องกักตัวที่บ้านหรือโรงแรม 10 วัน พร้อมกับตรวจหาโควิดในวันที่ 2 และ 8 หลังมาถึง

 

อีกทั้งตั้งแต่ 4 ต.ค. รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้ยกเลิกระบบกลุ่มสีตามไฟสัญญาณจราจร เขียว เหลืองอำพัน และแดง แล้ว โดยตอนนี้จะมีแค่กลุ่มประเทศสีแดงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรทบทวนบัญชีนี้ทุก 3 สัปดาห์โดยหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มความเสี่ยงของประเทศเหล่านี้ ประกอบด้วย การระบาดของไวรัส จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ และศักยภาพในการเกิดโรคในแต่ละประเทศ

 

สำหรับคำถาม>> ต้องได้รับวัคซีนแบบใด จึงจะถือว่า "ได้รับวัคซีนครบโดส" 

ผู้ที่จะเดินทางต้องได้รับวัคซีนชนิดในชนิดหนึ่งดังต่อไปนี้ ภายใน 14 วันก่อนเดินทาง

 

-Oxford/AstraZeneca

-Pfizer BioNTech

-Moderna

-Janssen

 

นอกจากนี้ สามารถฉีดวัคซีน 4 ชนิดข้างต้นแบบผสม (ไขว้สูตร) ได้ แต่หากเป็นชนิดอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ เช่น Sinovac - AstraZeneca นั้น ท่านสามารถเข้าอังกฤษได้โดยปฏิบัติตามกฎสำหรับผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบแทน (Not fully Vaccinated)

 

ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจำเป็นต้องมีหลักฐานในการฉีดวัคซีนซึ่งออกโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งระบุ ชื่อ-นามสกุล วันเกิด ชนิดวัคซีนและผู้ผลิตวัคซีนนั้น เป็นภาษาอังกฤษ