ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับกรณีการยั่วยุของจีนต่อไต้หวันว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเกี่ยวกับไต้หวัน และสองฝ่ายตกลงกันว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับไต้หวัน
สื่อระบุว่า ไบเดนน่าจะหมายถึงนโยบายจีนเดียว ที่สหรัฐฯยึดถือมานาน และกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์กับไต้หวัน ซึ่งกำหนดชัดเจนว่า สหรัฐฯสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเท่านั้น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า สถานะของไต้หวันในอนาคตจะต้องถูกกำหนดด้วยสันติวิธี
ไต้หวัน เปิดเผยว่า จีนส่งเครื่องบินรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ หรือ ADIZ ซึ่งเป็นเขตกันชนนอกน่านฟ้าของไต้หวัน ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.รวมทั้งสิ้น 149 ลำ โดยเฉพาะวันที่ 4 ต.ค.มีเครื่องบินรวม 56 ลำมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่เริ่มเปิดเผยตัวเลขเที่ยวบินของจีนที่รุกล้ำเขต ADIZ ของไต้หวันเมื่อเดือน ก.ย.2563
ฉิว กั๊วะ เฉิง รัฐมนตรีกลาโหมของไต้หวัน กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ตึงเครียดที่สุดในรอบกว่า 40 ปีนับตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพ และเตือนว่ามีความเสี่ยงเกิดการยิงผิดพลาดในช่องแคบไต้หวันได้
นายฉิวแสดงความเห็นขณะเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการรัฐสภา ที่กำลังพิจารณาทบทวนงบประมาณพิเศษของกองทัพมูล่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดซื้ออาวุธที่ผลิตในไต้หวันเอง ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธและเรือรบ และเขาบอกว่า “ในฐานะทหารเขามองว่าเวลานี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และประเมินว่า จีนมีศักยภาพที่จะบุกไต้หวันอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2568”
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์สหรัฐฯ เตือนให้จีนหยุดกดดันทั้งทางทหาร การทูต และเศรษฐกิจ และการขู่เข็ญต่อไต้หวัน แต่จีนตอบโต้เมื่อจันทร์โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่เรียกร้องเอกราชในไต้หวัน
นอกจากนี้ โกลบอล ไทมส์ ที่เป็นสื่อของทางการจีน ระบุว่า จีนจะไม่ปล่อยให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนแยกไต้หวันออกจากจีน และจะไม่ยอมให้ไต้หวันทำตัวเป็นด่านยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯเพื่อต่อต้านจีน