เฟซบุ๊กล่ม ทำอันดับเศรษฐีโลก“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”วูบ คาดสูญ 6 พันล้านดอลล์
ทำเอา อันดับเศรษฐีโลก“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”วูบลงทีเดียว พร้อมสูญเงินราว 6,000 ล้านดอลลาร์ หลังระบบเฟซบุ๊กล่มเมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำเอาบรรดาชาวเน็ตร้องระงมไปทั่วโลก
เว็บไซต์ยาฮู ไฟแนนซ์ รายงานว่าอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของ “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” มหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังร่วงลงหลังจากสูญเงินในช่วงเวลา 6 ชั่วโมงไปกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์แห่งนี้รายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีผู้ออกมาให้ข้อมูลโจมตีเฟซบุ๊ก และระบบเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทำเงินของบริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ล่ม ในช่วงกลางดึกถึงเช้ามืดตามเวลาประเทศไทย ส่วนการเทขายหุ้นยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้ ส่งผลให้หุ้นดิ่งลง 4.9% เมื่อวันจันทร์ (4 ต.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น หรือลดลงอีก 15% นับตั้งแต่กลางเดือนกันยายน
การปรับตัวร่วงอย่างหนักของราคาหุ้นเฟซบุ๊ก ทำให้ความมั่งคั่งของซัคเคอร์เบิร์ก ลดลงเหลือ 121,600 ล้านดอลลาร์ กรณีนี้ฉุดให้ อันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกของ ซัคเคอร์เบิร์กร่วงลงไปอยู่อันดับ 5 ต่ำกว่า “บิล เกตส์” ตามดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก โดยความมั่งคั่งของซัคเคอร์เบิร์กลดลงเกือบ 140,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
ราคาหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลงหลังจาก “ฟรานเชส โฮเกน” วัย 37 ปี อดีตพนักงานของเฟซบุ๊ก โจมตียักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้ว่าเห็นแก่กำไรมากกว่าการพยายามขัดขวางการใช้ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง เผยแพร่ข้อมูลผิดๆ และบุลลี่เด็กสาว
โฮเกน ซึ่งเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ให้สัมภาษณ์รายการ “60 มินิตส์” ทางเครือข่ายโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐฯ และสถานีนำเทปนี้ออกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ย.)
โดยเปิดเผยว่า เธอคือผู้เปิดโปงที่ส่งเอกสารข้อมูลจนนำไปสู่การสืบค้นของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล และทำให้มีการสอบสวนของวุฒิสภาเกี่ยวกับอันตรายต่อเด็กสาวบนอินสตาแกรม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในเครือเฟซบุ๊ค
โฮเกน ยังอ้างถึงการวิจัยของเฟซบุ๊กที่พบว่า การปลุกเร้าคนให้โกรธง่ายกว่าการปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกอื่นๆ และบริษัทตระหนักดีว่า ถ้าเปลี่ยนอัลกอริธึมให้ปลอดภัยขึ้น คนจะใช้เฟซบุ๊กและคลิกโฆษณาน้อยลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง
นอกจากนี้ ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ปี 2563 เฟซบุ๊ก ตระหนักถึงอันตรายจากเนื้อหาที่กระตุ้นความเกลียดชังจึงเปิดระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อสกัดเนื้อหาเหล่านั้น แต่ทันทีที่การเลือกตั้งจบลง บริษัทฯ ก็ปิดระบบรักษาความปลอดภัยและกลับไปให้ความสำคัญกับการเติบโตมากกว่าความปลอดภัยเหมือนเดิม
ผู้เชี่ยวชาญคาด สาเหตุสำคัญอาจมาจากเหตุขัดข้องทางอินเทอร์เน็ต และการถูกโจมตีจากคนภายนอก
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย รวมถึง Jonathan Zittrain ผู้อำนวยการ Berkman Klein Center for Internet & Society ของ Harvard วิเคราะห์ว่า อาจเกิดจากความผิดพลาดภายในอย่างระบบอินเทอร์เน็ตขัดข้อง และในทางทฤษฎีก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีจากภายนอก