svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สำคัญ! วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ถึง 28%

30 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“วัคซีนไข้หวัดใหญ่” เป็นอีกหนึ่งวัคซีนที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะยุคโควิด-19 แพทย์เผยผลการศึกษา หากติดเชื้อร่วมกัน อันตรายถึงชีวิตได้!

30 กันยายน 2564 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง และยืดเยื้อมานาน จนถึงตอนนี้ ประเทศไทยอยู่ในฤดูฝน ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เกิด ระบาดของ "ไข้หวัดใหญ่” ที่แพร่กระจายสู่คนทั่วไปได้เช่นเดียวกับโควิด-19 และหากติดเชื้อร่วมกัน (Co-infection) จากทั้งเชื้อไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีอาการรุนแรง และยิ่งเพิ่มโอกาสการเสียชีวิตมากขึ้นอีกด้วย

 

สร้างความกังวลให้บุคลากรทางการแพทย์ มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ จึงได้จัดเสวนา “ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่…ในยุคโควิด-19”

 

เปิดสถิติ ผู้ติดเชื้อ/เสียชีวิต

 

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ และนายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) มีรายงานดังนี้

 

  • ทุกๆ ปี จะมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 500 – 1,000 ล้านคนต่อปี

 

  • มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก ประมาณ 3 - 5 ล้านคน

 

  • มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 290,000 – 650,000 คนต่อปี

 

  • การเสียชีวิตส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

 

ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่เป็นโรคไม่รุนแรง จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญในการฉีดวัคซีน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะใน “7 กลุ่มเสี่ยงต่อโรครุนแรง"

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า "วัคซีนไข้หวัดใหญ่" สามารถลดการป่วย ลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ลง รวมไปถึงลดอัตราการนอนโรงพยาบาลและการเข้ารับการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินได้

สำคัญ! วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ถึง 28%

 

ปูพรมฉีด “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ตัดศัตรูออกไปอีกหนึ่ง

ขณะที่ช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้พยายามปูพรมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มากยิ่งขึ้น เพื่อตัดศัตรูออกไปด้านหนึ่ง ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ได้ช่วยป้องกันโควิด-19 แต่เชื่อว่าน่าจะมีการกระตุ้นทางอ้อมของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

 

จึงเป็นเหตุผลสำคัญให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ได้ช่วยรักษาบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นทรัพยากรสำคัญในภาวะวิกฤต อย่างน้อยก็ช่วยลดภาระจากการป่วยไข้หวัดใหญ่ลง เพื่อจะได้รับมือกับโควิด-19 อย่างเต็มกำลัง

 

ขณะเดียวกัน ตัวผู้ป่วยเองก็ลดความสับสน และความวิตกกังวลจากอาการที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงยังลดการเกิดโรคร่วมกัน (Co-infection) จากทั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ลดเสียชีวิตโควิด-19 ได้ถึง 28%

นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาวิจัยในช่วงปี ค.ศ. 2020 – 2021 ของการระบาดโควิด-19 ที่สนับสนุนคุณค่าของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไว้อย่างน่าสนใจมากมาย ยกตัวอย่าง ประเทศสหรัฐอเมริกามีผลวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 22 มกราคม - 10 มิถุนายน 2020 (อ้างอิงจากข้อมูลเผยแพร่โดย US National Library of Medicine - National Institutes of Health) พบว่าเมื่อมีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครอบคลุมมากขึ้นทุกๆ 10% จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 28%

 

ในขณะที่ประเทศบราซิลมีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อัตราความรุนแรงของโควิด-19 และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศบราซิล (อ้างอิงจากบทความ BMJ Evidence-Based Medicine ฉบับเดือนสิงหาคม 2021) เป็นการเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 50,000 ราย ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 23 มิถุนายน 2021

 

โดยศึกษาเปรียบเทียบใน 2 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในระยะ 1-3 เดือนที่ผ่านมา
  2. กลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

 

ผลปรากฏว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในผู้ป่วยโควิด-19 จะช่วยลดอัตราการนอนในแผนกผู้ป่วยหนักได้ 7% ช่วยลดอัตราของผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้ถึง 17% และลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 16%  ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้

 

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์

 

“ไข้หวัดใหญ่” อาการคล้าย “ติดเชื้อโควิด-19”

ศ.นพ. ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีอัตราการเกิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดลงทั่วโลก อาจเกิดจากการใส่หน้ากากอนามัย การกักตัวอยู่บ้าน และการสร้างระยะห่างทางสังคม

 

ประชาชนส่วนใหญ่มักมีคำถามว่า ยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกหรือไม่ คำตอบคือ มีความจำเป็นอย่างมาก

 

โดยมีผลการศึกษาต่างๆ มากมายที่บ่งชี้ว่า “วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีความสำคัญอย่างยิ่” โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 และหากกรณีที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และมีอาการก็จะต้องไปตรวจรักษาเหมือนผู้ป่วยโควิด-19 เพราะอาการที่แสดงเบื้องต้นจะไม่แตกต่างกัน

 

ยิ่งกว่านั้น ทั้งการติดเชื้อโควิด และเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถติดเชื้อร่วมกันได้ ซึ่งจะทำให้มีการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น นอนโรงพยาบาลนานมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว เป็นต้น

 

กลุ่มเสี่ยง ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่

ด้วยสถานการณ์การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ของไทยในปัจจุบันพบได้ทุกอายุ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในเด็กช่วงอายุ 0-4 ปี รองลงมาคือเด็กอายุ 5-14 ปี

 

ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่มีมาตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จึงแนะนำให้ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อร่วมกันทั้งจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะจะยิ่งทวีความรุนแรงของโรคได้

 

เช่นเดียวกับกลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตวาย โรคตับ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สูงกว่าผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี ขณะเดียวกันก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยเช่นกัน

 

ควรฉีดห่างจากวัคซีนโควิด-19

ปัจจุบัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ได้แนะนำระยะเวลาของการฉีดวัคซีนโควิด-19 และวัคซีนอื่นๆ ในวันเวลาเดียวกันได้

 

แต่ผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19  ควรห่างจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนชนิดอื่นๆ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของวัคซีนทั้ง 2 ที่อาจจะซ้อนกัน

 

สำคัญ! วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ถึง 28%

 

โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิด 3 สายพันธุ์ สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง รวมทั้งเพิ่มเติมบุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 และกลุ่มที่อยู่ในชุมชนแออัดและโรงเรียนในทุกช่วงอายุโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งนับเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่ดี ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ที่มีการระบาดภายในประเทศไทย

 

แนวทางปฏิบัติในการเข้ารับวัคซีน 3 แบบ คือ

1.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก่อน ฉีดวัคซีนโควิด-19

2.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ระหว่าง ฉีดวัคซีนโควิด-19

3.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หลัง ฉีดวัคซีนโควิด-19

 

อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์

 

โดยวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ สามารถครอบคลุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B ได้ทั้ง 2 สายพันธุ์  กล่าวคือครอบคลุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A ทั้ง H1N1 และ H3N2 และสายพันธุ์ B ทั้งตระกูล Victoria และ Yamagata จึงเพิ่มความสามารถในการครอบคลุมเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดเพิ่มขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ดีขึ้น ที่สำคัญจากการศึกษาวิจัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 และอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้อีกด้วย

 

ศ.นพ. ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร

 

logoline