27 กันยายน 2564 นางสาวชนาภรณ์ เสือเฒ่ าอายุ28ปีพร้อมด้วยนางสาววรพรรณเบญจวรกุลทนายความนำเอกสารเพื่อยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่นให้ศาลเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้เด็กไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวให้ได้กลับมาสู่อ้อมอกแม่ให้แม่ได้เลี้ยงดูบุตรใช้อำนาจปกครองบุตรเช่นเดิมหลังจากที่เธอถูกเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.ขอนแก่นเอาตัวลูกชาย2คนไปโดยเธอบอกว่าเจ้าหน้าที่ของพมจ.ขอนแก่นต้องนำเอาเด็กไปดูแลเพราะแม่ไม่สามารถดูแลลูกๆได้ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
โดยนางสาวชนาภรณ์เสือเฒ่าเล่าว่าเธอมีลูกชาย2คนอายุ7ขวบและอายุ5เดือนเธอเลี้ยงลูกชายทั้งสองมาคนเดียวก็จริงแต่เธอสามารถเลี้ยงได้ก่อนหน้านี้เธอทำงานประจำโดยให้ลูกชายคนโตช่วยดูน้องและเธอไปทำงานใกล้ๆกับที่พักก่อนออกไปทำงานทุกวันเธอจะจัดเตรียมอาหารและชงนมไว้ให้ลูกอายุ5เดือนต่อมาเธอคิดว่าน่าจะหางานที่สามารถอยู่กับลูกๆได้คือการขายขนมและหาพื้นที่ที่น่าจะหาเงินง่ายจึงคุยกับลูกชายคนโตว่าแม่จะพาไปอยู่ที่พัทยาจ.ชลบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่เธอเคยทำงานอยู่ที่นั่นและมีเพื่อนๆมากมายอยู่ที่นั่นด้วยวันเกิดเหตุคือวันที่18กันยายน64เธอเล่าว่าระหว่างเดินทางออกจากบ้านพักที่บริเวณบ้านกอกน้อยในเขตเทศบาลตำบลบ้านเป็ดอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่นเพื่อจะไปพัทยาเธอลืมของที่บ้านพักจึงให้ลูกๆคอยอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งไม่อยากให้เด็ก เดินกลับไปเอาของด้วยเพราะกลัวลูกจะเหนื่อย
ผ่านไป20นาทีเธอบอกว่าชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเห็นเด็กๆอยู่ตามลำพังเข้าใจผิดว่าแม่เอามาทิ้งทั้งที่ลูกชายคนโตได้บอกไปแล้วว่าเดี๋ยวแม่จะกลับมาซึ่งเธอไปเอาของที่ห้องพักกลับมาชาวบ้านจึงบอกว่านึกว่าเอาลูกมาทิ้งจึงได้โทรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเด็ก ๆ แล้วซึ่งไม่นานมีรถตู้สีชมพูจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.ขอนแก่นมาหาลูกๆของเธอตามที่ชาวบ้านแจ้งไว้หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้พาเธอไปพักที่บ้านพักเด็กและครอบครัวกระทั่งวันที่21กันยายนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่พาเธอขึ้นรถตู้เพื่อมาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่นและได้แยกลูกของเธอไป
โดยเธอยังบอกอีกว่าเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอุ้มน้อง5เดือนไปด้านหลังตึกส่วนน้องผู้ชายอยู่บนรถตู้ที่พามาเธอตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงได้โทรหาเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะนั้นมีการโทรคุยกันเรื่องของจะนำเอาเงินสงเคราะห์มาให้เธอด้วยจำนวน2,000บาทพร้อมกับมีเอกสารให้เซ็นต์แต่เธอไม่ได้เซนต์แค่อยากได้ลูกๆของเธอคืนแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับซึ่งตั้งแต่วันที่21กันยายนเป็นต้นมาจนกระทั่งวันนี้เธอยังไม่ได้พบหน้าลูกทั้งสองคนจึงได้นำเอาเอกสารดังกล่าวเพื่อมายื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่นและขอความเห็นใจให้เธอได้ลูกๆของเธอคืนโดยเธอยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนเร่ร่อนและไม่ได้ทิ้งลูกๆเพียงแต่ให้ลูกนั่งรอตนเองกลับเข้าไปเอาของเพียงแค่20นาทีซึ่งวอนอยากให้หน่วยงานเห็นใจและรีบคืนลูกทั้งสองคนให้ด้วยเพราะชาวบ้านแถวนั้นเข้าใจผิดเธอไม่ได้คิดจะทิ้งลูกซึ่งเธอมีหลักฐานทั้งภาพถ่ายที่แสดงถึงการเลี้ยงลูกของเธอได้อย่างมีความสุขไม่เคยตีและไม่คิดจะทิ้งลูกตามที่ถูกกล่าวหา
โดย - พรพรรณ เพ็ชรแสน