
24 กันยายน 2564 พ.ต.ท. ปัญญา ภาคสิน สารวัตรสอบสวน สน.บางยี่เรือ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เสียหลักพุ่งชนร้านหูฉลาม และภายในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้า“ร้านจุฬาหูฉลาม” ถนนราชพฤกษ์ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี ภายในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสคือ นายราชิต สุวรรณธิสังข์ อายุ 32 ปี ในสภาพนอนหงายหน้าจมกองเลือดอยู่กับพื้นบนฟุตบาทหมดสติ มีบาดแผลเปิดขนาดใหญ่ที่ศรีษะ แล้วบริเวณขาซ้ายหักผิดรูปอย่างชัดเจน แต่นายราชิตทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น นินจา สีเขียวคาดดำ ทะเบียน 3 กม 18 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพพังเสียหายยับเยินทั้งคัน และยังติดคาอยู่กับประตูม้วนด้านข้างของร้านหูฉลามดังกล่าว จนประตูม้วนของร้านพังเสียหายยับเยิน และทรัพย์สินภายในร้านก็ยังได้รับความเสียหายไปด้วย
ถัดมาพบกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน กค 5992 สมุทรสาคร มีร่องรอยของการเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้ารถจนกันชนยุบตัว และบริเวณซุ้มล้อด้านซ้ายบุบ ไฟเลี้ยวแตก ได้รับความเสียหายอย่างชัดเจน จอดอยู่ภายในที่เกิดเหตุด้วย
ขณะที่นายสุรนันท์ มหาเชาว์สีห์ อายุ 53 ปี อาชีพวินมอเตอร์ไซด์ เล่าว่า เห็นรถฟอร์จูนเนอร์ ขับลงมาจากสะพาน ตรงมาแล้วมาปาดเข้าเลนคู่ขนาน ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ขับมาทางตรงของเลนคู่ขนานอยู่แล้ว ความเร็วก็พอประมาณความแรงของรถ พอมาถึงจุดเกิดเหตุทำให้ชนกัน แล้วมอเตอร์ไซด์ไถลขึ้นมาที่ร้าน ส่วนคนก็กระเด็นมานอนแน่นิ่งบนฟุตบาท
ส่วนน.ส.กมลวรรณ ทั่งแก้ว อายุ 25 ปี เป็นลูกจ้างของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตกำลังจะไปเอาหมึกเครื่องถ่ายเอกสารที่จังหวัดนนทบุรี โดยเขาบอกว่าคงต้องขี่รถไปช้า ๆ เพราะเหมือนรู้สึกเพลียๆ เพิ่งออกจากร้านมาไม่นาน โดยร้านถ่ายเอกสารอยู่กรุงธนซอย 4 จากนั้นได้มีอาสาโทรมาแจ้งว่า เจ้าของเบอร์นี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ให้ติดต่อญาติมายืนยันที่เกิดเหตุ ตนจึงออกมาดูก่อน
ด้านนาย วัชระ ไชยโชติ อายุ 27 ปี เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนขี่รถมาจากสาทร ตามหลังคันก่อเหตุมา เห็นรถกระบะ ชนกับรถมอไซค์ แล้วก็ขับไปเลย ตนเห็นเหตุการณ์ตอนนั้น จึงรีบขี่รถตามคันก่อเหตุ ว่าทำไมไม่ลงมาดูคนเจ็บก่อน ช่วยอะไรไม่ได้ก็น่าจะลงมาดูก่อน เมื่อขี่ตามเขาไปพบว่าเขากลับรถไปอีกฝั่งหนึ่ง เจอสายตรวจพอดีจึงพากลับมายังจุดเกิดเหตุ
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุนั้น พบว่า ผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากเลนคู่ขนานจนถึงจุดเกิดเหตุดังกล่าวซึ่งเป็นทางเบี่ยงเข้าเลนด่วน ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันดังกล่าวก็อยู่ในจังหวะที่จะหักเลี้ยวเข้าเลนคู่ขนานพอดี จังหวะนั้นเกิดการเฉี่ยวชนกัน
โดยหลังจากเฉี่ยวชนกันแล้วปรากฏว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่ได้หยุดรถในทันทีในที่เกิดเหตุ แต่ขับหลบไปด้วยความเร็วในช่องเลนด่วนต่อ จนพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวขี่จักรยานยนต์ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวไป และตามทันประกอบกับเป็นจังหวะที่สายตรวจผ่านมาพอดีจึงแจ้งให้สายตรวจทราบเรื่องแล้ว
ต่อมาได้ทำการเชิญตัวผู้ขับขี่พร้อมรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ เพื่อรอ เจ้าหน้าที่สอบสวนของ สน.พื้นที่มาสอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมกับจะมีการเชิญผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สน.