วันนี้ (22 กันยายน 2564) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สำเริง แสงภู่วงค์ นำเสนอภาพรวมการบริหารน้ำ รับน้ำหลากตามมาตรการ กอนช. และแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ,รองอธิบดีกรมชลประทาน ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นำเสนอแนวทางการจัดการและเตรียมพื้นที่รับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำ และ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เชษฐา โมสิกรัตน์นำเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันว่า ในขณะนี้มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้เพิ่มอัตราการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 1,481 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณท้ายเขื่อนบางแห่งที่ได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่ลุ่มต่ำ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล อ.เสนา และแม่น้ำน้อยที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ
ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้ว่า จะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูน้ำหลาก กอนช.ได้ให้กรมชลประทานเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังยังจุดเสี่ยงล่วงหน้า พร้อมทั้งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ
ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดโดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นด่านหน้าก่อนมวลน้ำจะไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดำเนินมาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงรับน้ำหลาก และ เตรียมแผนเผชิญเหตุให้พร้อม พิจารณาแผนรับน้ำหลากเข้าทุ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้ง 10 แห่ง หลังวันที่ 15 ตุลาคม 2564 รวมทั้งให้ปรับลดการระบายน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก เก็บน้ำสํารองทุกแหล่งทั้งผิวดินและใต้ดิน ไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งหน้า