นกเพนกวินกว่าครึ่งร้อยเสร็จ....ถูกผึ้งรุมต่อย

เจ้าหน้าที่นักอนุรักษ์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (20 กันยายน) ว่านกเพนกวินแอฟริกันที่เสี่ยงสูญพันธุ์กว่า 60 ตัว ตายที่อาณานิคมเพนกวินแอฟริกัน ที่ชายหาด "โบลเดอร์"  เมืองไซมอนส์ทาวน์ ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกในแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากถูกฝูง "ผึ้งน้ำหวานเคป" รุมต่อย 

ด็อกเตอร์ คัตต้า ลูดิเนีย ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์นกริมชายฝั่งของแอฟริกาใต้ เรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น "อุบัติเหตุประหลาดที่ไม่ธรรมดา"

"เป็นไปได้ยากและผิดปกติอย่างมาก และเห็นได้ชัดว่าการสูญเสียนกจำนวนนั้นเป็นเรื่องน่าทึ่ง นกที่มีจำนวนประชากรที่มีแข็งแรง สามารถรับมือกับอุบัติเหตุประหลาดแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เนื่องจากเรามีนกเหลืออยู่น้อยมากในธรรมชาติ เราจึงพยา ยามจะช่วยพวกมันทุกตัว และจู่ ๆ ก็สูญเสียมันไปมากขนาดนั้น มันน่ากลัวจริง ๆ"

ซากของนก 63 ตัวเหล่านี้ถูกพบในช่วงเช้าวันศุกร์ และจากการตรวจสอบซากนกในเบื้องต้น พบว่านกเหล่านี้มีร่องรอยถูกผึ้งต่อยบนผิวหนังเปล่าเปลือยของพวกมัน โดยส่วนมากอยู่แถว ๆ รอบดวงตา นักวิจัยยังพบซากผึ้งบนชายฝั่งอีกด้วย โดยคาดว่าพวกนกอาจจะตายในช่วงบ่ายในพฤหัสบดี จนถึงช่วงเช้าวันศุกร์

เพนกวินแอฟริกา โดยหลักแล้วมีถิ่นหากินอยู่ตามแนวชายฝั่งแอฟริกาใต้และนามิเบีย พวกมันเป็นนกเพนกวินขนาดเล็ก มีลำตัวยาวประมาณ 68 - 70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 2 - 5 กิโลกรัม ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย มีจะงอยปากที่แหลม เป็นที่รู้จักจากเสียงร้องที่ดัง จำนวนของมันลดลงอย่างมาก โดยจากมากกว่าล้านตัวในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี 2553 กลับเหลือเพียง 5 หมื่น 5 พันตัวเท่านั้น จนมีการประกาศให้เป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์

เพนกวินแอฟริกัน หรือ เพนกวินตีนดำ เดิมได้ชื่อว่า "เพนกวินลา" เนื่องจากมีเสียงร้องเหมือนลา ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเพนกวินแอฟริกัน เพราะเป็นเพนกวินเพียงชนิดเดียวที่พบได้ในทวีปแอฟริกา 

เพนกวินแอฟริกัน เป็นนกที่จับคู่อยู่เพียงคู่เดียวตลอดชีวิต มีพฤติกรรมการอยู่รวมกันเป็นนิคมใหญ่ เมื่ออากาศร้อนจะขุดหลุมฝังตัวในพื้นทรายและอ้าปากรับลมเพื่อระบายความร้อนออกจากตัว จัดเป็นเพนกวินอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี