20 กันยายน 2564 ข่าวคราวที่ระบุออกมาบอกว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางไปร่วมพิธีในงานศพมารดาของส.ส.สมุทรปราการ แล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม ทำให้ลุงตู่มีปฏิบัติการพิเศษ ว5 บุกไปเยี่ยมที่ป่ารอยต่อ โดยไม่ได้นัดหมาย เพราะเป็นห่วงเป็นใยว่าพี่ใหญ่จะเป็นอะไรหรือเปล่า
ซึ่งที่ป่ารอยต่อมีคนอยู่แล้วประมาณ 4 ท่าน กำลังทำภารกิจส่วนตัว แต่ท่านนายกฯไปแบบจู่โจม ซึ่งมื่อปี 62 เคยลื่นล้มแล้วหนึ่งครั้ง
การไปเยี่ยมรอบนี้ มีคนรายงานออกมาบอกว่า เสือกับสิงห์ต้อง"เผ่น"ออกนอกห้อง เพราะลุงตู่ไปไม่ได้นัดหมาย ถ้านัดหมายก็จะไม่วิ่งหนีแบบนี้
เป็นปรากฏการณ์ที่ขยับตัว เปิดทางให้ระหว่างน้องเล็กได้คุยกับพี่ใหญ่ แต่ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เคยบุกไปพบลุงป้อม
ปรากกฎว่าขุนพลข้างกายของพลเอกประวิตร ต้องวิ่งออกด้านหลัง เพราะผู้กองธรรมนัส เคยประกาศวันที่มีการปลดตัวเองลาออก ท่านได้ประกาศจุดยืน
ในขณะเดียวกัน คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งเป็นกล่องดวงใจของลุงป้อมปกติอยู่ข้างกาย คิดอะไรไม่ออกบอกนฤมล วันที่นายกรัฐมนตรีปลดเธอออกจากตำแหน่ง เธอไปทำบุญ ร่วมในพิธีพุทธาภิเษก พระอุปคุต ซึ่งเค้าว่ากันว่าเป็นพระปราบมาร
ปัญหาต่อมาที่ต้องหาคำตอบร่วมกัน 2พี่น้องและ 1 นายพล บิ๊กน้อยที่เป็นคนสนิทใกล้ชิดและไว้วางใจของบิ๊กป้อม เขาคุยอะไรที่ป่ารอยต่อ คุยกัน 3 ชม. ที่สำคัญมีนัยยะทางการเมืองที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
รักร้าวกับ 3 ชม.ในป่ารอยต่อ เป็นปรากฏการณ์ที่พูดคุยกันตั้งแต่ในช่วงค่ำของวันศุกร์ ที่นายกเดินทางกลับจากชลบุรีแวะที่ป่ารอยต่อ หลังจากมีข่าวออกมาว่าลุงป้อม และพี่ใหญ่ใน 3ป. เกือบล้ม แต่ข่าวออกไปสร้างความตื่นตระหนก
ตอนแรกนึกว่ามีแค่พี่กับน้อง แต่มีพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อยู่ในวงด้วย แต่อีก 2 คนที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ แยกตัวออกไป
3 ชม.ที่คุยกันเรื่องอะไร วันที่ไปพูดคุยมีรายงานว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยมิตรภาพ
ที่สำคัญใน 3ชม. มีหลุดประโยคเกี่ยวกับทิศทางการเลือกตั้ง เหมือนส่งสัญญาณว่าการเลือกจตั้งจะเกิดขึ้นช่วงไหน
บทสนทนาในบางส่วนที่เป็นร่องรอยว่า จะจับใจความได้ว่าทิศทาง ทางการเมืองในอนาคตของบิ๊กป้อม บิ๊กตู่ จะเป็นเช่นไร มีบทสนทนาที่น่าสนใจหลายช่วง
ส่งสัญญาณออกมาให้เห็นชัดสองเรื่องหนึ่งพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชายืนยันอยู่หนึ่งเรื่อง ว่าภารกิจไม่ใช่เป็นภารกิจของตัวเอง แต่เป็นของเรา ซึ่งหมายถึงพี่ใหญ่และน้องเล็ก และถ้อยคำนี้จึงเป็นที่มาของกระแสข่าวหลังจากนั้นว่า จะมีการยุบสภาหาเสียงประมาณกลางปีหน้า
แต่ร้อยเอกธรรมนัสไม่ได้อยู่ร่วมในวงสนทนานั้น ซึ่งแปลว่ามันต้องมีการถ่ายทอดในการพูดคุยเจรจา ว่าปีหน้าจะมีการเลือกตั้งกัน
แสดงว่าการหารือในรอบนี้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการดูแลพรรค กระบวนการจัดการและการดูแล ส.ส. และการเตรียมพร้อมที่จะเกิดการเลือกตั้ง เห็นได้ชัดจากปฎิบัติการดูแลความใกล้ชิดของ ส.ส.
คุยกันสามคนขนาดนี้ยังมีปัญหาอีกไหม ? ยังวางใจไม่ได้เพราะยังมีน้องคนกลางที่ไม่ได้ไปร่วมด้วย น้องคนกลางคือตัวแปรสำคัญของรอยร้าวว่าจะสมานได้มากน้อยแค่ไหน
อีกหนึ่งเรื่องที่มีพลายกระซิบบอกมาว่า ตอนท้ายของการพูดคุยหลังรับประทานอาหารเขาพูดกันถึงเรื่องของทุน 2 ส. เป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อน ของพรรคพลังประชารัฐ
เพราะฉะนั้นศึก 2 ส. ถ้าปะทะกันเมื่อไหร่ ยุ่งเมื่อนั้น