20 กันยายน 2564 จากนโยบายเปิดเมือง เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว หรือมาตรการผ่อนคลายต่างๆ “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” อยู่เสมอ ตราบใดที่มีการระบาดโควิด-19 ภายในประเทศอย่างรุนแรง การเปิดให้มีกิจกรรม กิจการ ค้าขาย ท่องเที่ยว ย่อมทำให้เกิดการระบาดมากขึ้นแน่นอน
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย. 64 ) ได้รายงาน สถานการณ์ทั่วโลก 20 กันยายน 2564 โดยสรุปคือ
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 349,947 คน รวมแล้วตอนนี้ 229,260,555 คน ตายเพิ่มอีก 5,708 คน ยอดตายรวม 4,704,927 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร ตุรกี และรัสเซีย
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิหร่าน อาร์เจนติน่า และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 93.11 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลักหมื่น
ญี่ปุ่น เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ติดกันหลักพัน กัมพูชา และลาว ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย หมอธีระ ยังรายงานต่อเนื่อง และยังแสดงความเห็นเช่นเดิมว่า หากไม่มีมาตรการรองรับการผ่อนคลายที่ดี เสี่ยงการระบาด และหนักกว่าเดิมแน่นอน
โดยมีข้อความ ระบุตามนี้
...สถานการณ์ของไทยเรา
เมื่อวานจำนวนติดเชื้อใหม่ 13,576 คนที่รายงานนั้น ยังคงสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
แต่หากรวมจำนวนที่ตรวจ ATK อีก 2,509 คน จะทำให้แซงขึ้นเป็นอันดับ 7 ของโลก เป็นรองเพียงแค่อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร ตุรกี รัสเซีย และฟิลิปปินส์เท่านั้น
...ด้วยความซับซ้อนของระบบสังคมที่เป็นอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่ยังรุนแรงต่อเนื่องดังที่เห็นในปัจจุบัน
ทิศทางนโยบายที่มุ่งหน้าไปสู่การเปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ โดยที่มีโรคระบาดในพื้นที่ และระบบสนับสนุนที่จำเป็นยังมีข้อจำกัด ทั้งการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน การใช้วิธีตรวจทางเลือก (ATK) ที่อาจมีความไวไม่มากนักและเสี่ยงต่อการเกิดผลลบปลอมได้ รวมถึงเรื่องวัคซีน ทั้งเรื่องชนิดที่ใช้ และปริมาณที่ยังไม่เพียงพอหรือครอบคลุม
ความเสี่ยงต่อการระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นย่อมมีสูง ดังจะเห็นได้จากหลากหลายพื้นที่ที่กำลังเผชิญอยู่
ปัจจัยข้างต้นจะนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ หากการระบาดเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่ผลกระทบทุกมิติ ทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
สิ่งที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดคือ ทั่วโลกขณะนี้มีการระบาดที่ชะลอตัวลงชัดเจน แต่จะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ที่ได้เรียนรู้จากสงครามนี้มาเกือบสองปี มักจะเลือกตาเดินแบบระมัดระวังในการเปิดใช้ชีวิตและเปิดประเทศ โดยเน้นให้จัดการควบคุมโรคให้มีจำนวนการติดเชื้อลดลงให้ได้ และเน้นการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และฉีดให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในสังคมเสียก่อน
บางประเทศฉีดครอบคลุมไปนานกว่า 6 เดือนก็เจอระบาดซ้ำจนต้องมาฉีดเข็มกระตุ้นซ้ำเพราะความรู้ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าระดับภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป หลังฉีดกระตุ้นก็พบว่าสามารถคุมโรคระบาดได้ดีขึ้นชัดเจน เช่น อิสราเอล สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์
จะมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่พยายามประกาศว่าจะใช้ชีวิตท่ามกลางโรคระบาด หรือ Living with COVID-19 เช่น สิงคโปร์ ไทย เป็นต้น
โดยล่าสุดก็เห็นชัดเจนว่าสิงคโปร์ประสบการระบาดซ้ำที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ได้รับวัคซีนกันไปกว่า 80% ของประชากรก็ตาม
หันมามองไทยเรา จำเป็นต้องประเมินและยอมรับความจริงว่า หลายเรื่องยังไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ระบาดที่เป็นหลักหมื่นเช่นนี้ และเรื่องวัคซีนที่ไม่เพียงพอไม่ครอบคลุม จึงเสี่ยงเกินไปที่จะเปิดเมือง เปิดประเทศ
ตาเดินนี้ หากเดินพลาดจะมีโอกาสส่งผลกระทบยาวนานและหนักหนาสาหัส
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ
ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก
ด้วยรักและห่วงใย