18 กันยายน 2564 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค แต่งตั้งเป็นประธานแต่งตั้งคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค ซึ่งภารกิจแรกจะดูเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าพรรคจะแก้ไขอย่างไร รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคจะยึดแนวทางใดนั้น ก็คงจะขมวดเอาจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งปี 2554 ที่ได้เขียนวิธีการคำนวณไว้ ซึ่งเป็นการคำนวณคะแนน เฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 100 โดยพรรคการเมืองก็จะได้ ส.ส.พึงมีต่อหนึ่งคน จากนั้นก็ไปดูว่าพรรคการเมืองไหนที่ได้จำนวนคะแนนทั้งประเทศเท่าไร
"หากหารแล้วได้จำนวนเต็มหรือ 1 % ขึ้นไป ก็จะได้ ส.ส. 1 คนขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับคะแนน ซึ่งหากไม่ได้ 1 % ก็จะไม่ได้ ส.ส. ในกรณีที่เหลือเศษ ก็จะดูว่าที่ได้ 1 % ขึ้นไปนั้น พรรคไหนที่เหลือเศษมากที่สุดก็จะได้ ส.ส.เพิ่ม" นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตกลงให้แต่ละพรรคต่างเขียนไปและไปยื่น และพิจารณารวมกันในสภาฯ ซึ่งอาจจะมีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเข้ามาด้วย ก็คงต้องดูของ กกต.เป็นหลัก เพราะถือเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เพราะ กกต.ก็มีอำนาจเสนอร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมา ซึ่ง กกต.ก็คงจะเสนอตามที่ตนพูดไปข้างต้น เพราะต้องไปในแนวกฎหมายเลือกตั้งปี 2554 ซึ่งก็ทำให้คำนวณคะแนนง่ายที่หากได้ 1 % ขึ้นไปถึงจะได้ ส.ส. 1 คน แต่หากมีเศษก็จะนำไปให้พรรคที่มี 1 % ขึ้นไป ไม่เอามาแบ่งเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เรียกว่าปัดเศษ คือไม่มี ส.ส.ครบ 1 % ก็ปัดเศษให้เป็น 1 คน
สำหรับปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าจบจริง เพราะทุกคนถือว่า พล.อ.ประวิตร เป็นศูนย์รวมของพรรค และเป็นหัวหน้าพรรคที่มีบารมี มีผู้ที่รัก และเคารพทั้งพรรค จึงไม่มีใครคิดจะไปแยกกลุ่ม เพราะบอกให้มีกลุ่มเดียว คือ พรรคพลังประชารัฐ ทุกคนจึงเอาแนวนี้ ไม่มีปัญหา พรรคมีเอกภาพ
"จบ เรื่องนี้จบ ท่านหัวหน้าพูดอะไร สมาชิก ส.ส.ทุกคนก็เอาตามท่าน แต่ท่านพูดทุกครั้ง ก็จะถามความเห็น ส.ส.ในที่ประชุม ซึ่ง ส.ส.ในที่ประชุมก็เห็นด้วยเป็นเอกฉันท์อยู่แล้ว" นายไพบูลย์ ระบุ