“จุรินทร์”ชี้เปิดประเทศต้องดูความพร้อมแต่ละพื้นที่

18 กันยายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ต้องถือว่าได้มีการนับหนึ่งไปแล้ว เพียงแต่เป็นการทยอยเปิดในพื้นที่ที่มีความพร้อม และมีความเหมาะสม ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด คือ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และสมุยพลัส ซึ่งได้มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”ซึ่งในช่วง 2 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ค.– ส.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาภูเก็ต 31,000 กว่าคน

นอกจากนี้ จังหวัดที่ควรจะได้เดินหน้าต่อ คือ ระนอง เข้ามารวมกับอันดามันแซนด์บอกซ์ โดยเฉพาะเกาะพยาม ซึ่งหลังจากได้รับเรื่องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวจ.ระนองที่เห็นว่า เกาะพยาม มีความเหมาะสม และตนได้ดูเบื้องต้นแล้วก็เห็นว่ามีความเหมาะสม อีกทั้ง ใช้จำนวนวัคซีนไม่มาก เพียงหลักพันโด๊สเท่านั้น ก็สามารถเปิดเกาะพยามได้ จึงได้แจ้งเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้นำเรื่องนี้ไปพิจารณารายละเอียดต่อไป อีกทั้ง ยังมีการพิจารณาพื้นที่อื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน เป็นต้น

สำหรับการเปิดประเทศถือว่าไทยได้ดำเนินการอยู่แล้ว และได้นับหนึ่งมาแล้วตั้งแต่ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ต่อไปจะมีพื้นที่ไหนอีก เช่น กรุงเทพมหานคร จะต้องมีการพิจารณาร่วมกันระหว่างรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้รับผิดชอบในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ เวลา ศบค. จะเคาะว่าจะเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวตรงไหนก็ฟังความเห็นผู้ว่าราชการด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น การเปิดกรุงเทพฯรับนักท่องเที่ยว ต้องอยู่ที่ความเห็นร่วมที่จะได้มีการพูดคุยกันต่อไป

"หลักของการเปิดประเทศยังมีอยู่ นายกรัฐมนตรี ประกาศเป็นนโยบายไปแล้ว แต่จะเปิดตรงไหนอย่างไร ต้องดูความพร้อม ความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่เป็นกรณี เป็นพื้นที่ไป โดยดูเศรษฐกิจควบคู่กับสถานการณ์โควิดให้เกิดความสมดุลกัน ให้สามารถดูแลทั้งสองเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน" นายจุรินทร์ กล่าว