ศึก"ท้าชน" สองพี่น้องแห่งพลังประชารัฐ

17 กันยายน 2564 ศึกในพลังประชารัฐเป็นตัวชี้วัดทางด้านการเมืองอีกมากมาย รวมไปถึงรัฐธรรมนูญที่แก้แล้วจะถูกใช้หรือไม่ใช้เกี่ยวข้องกับศึกในพลังประชารัฐ

เรื่องราวของพลังประชารัฐกำลังกายเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง เป็นการสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาล สถานการณ์ตอนนี้หลายคนบอกว่า เกมการเมืองทำไมย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่แต่เป็นการเปิดทางสู้และปฏิบัติการท้าชน

ปรากฏการณ์”สู้”และปรากฏการณ์”ท้าชน” วันนี้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการกฎหมาย และข้อบังคับของพลังประชารัฐ คณะกรรมการนี้ประกอบด้วย

ในสัปดาห์เดียวมีการแต่งตั้งคน หรือเป็นการกันในบางอย่าง ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน กลุ่มสามมิตรไปหารือกับลุงป้อม สายข่าวบอกว่าคนที่อยู่ในนั้นบอกว่าลุงป้อมบอกว่าให้ “คุณสมศักดิ์เทพ สุทิน ทำหน้าที่เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค”

ตอนเย็นแต่งตั้ง พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานยุทธศาสตร์สายตรงจากลุงป้อม หลังจากได้ตำแหน่งอีกฝั่งหนึ่งบอกว่าเป็น “ก้างขวางคอ”สำหรับทีมลุงตู่และลุงป๊อกที่จะเข้ามาดูแลพรรคพลังประชารัฐ

วันนี้มีคำชี้แจงจากพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

บทบาทของพลเอกวิชญ์ ไม่ธรรมดา หลังจากนี้บิ๊กน้อยจะเป็นกำลังหลักสำคัญในขั้วของลุงป้อม นั่นเป็นตัวสะท้อนบอกว่าบทบาทของประธานยุทธศาสตร์สำคัญแค่ไหน

ปรากฏการณ์สู้ และปรากฏการณ์ท้าชนที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ จากพี่น้องสองสาย จึงไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมดา

ผู้กองธรรมนัสมีคติพจน์ “ไม่แค้น แต่จำนาน” คนที่ประกาศสู้ก็มีคติพจน์ว่า “จะไม่ให้ใครชกฟรี” คนนั้นก็คือ "ลุงตู่"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสู้หลังจากจะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในระบบรัฐสภาผ่านการโหวต ลุงตู่ประกาศสู้ เพราะถ้าไม่สู้มันจะปิดฉากที่ไม่สวยงาม ไม่ว่าสมัยหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม ถ้าลงสมัครรับเลือกตั้งแสดงว่ายังอยู่บนหลังเสือต่อไป แต่ถ้าลงจากหลังเสือก็ต้องลงอย่างสง่างาม

ส่วนคนที่ท้าชนและไม่ยอม คือพี่ใหญ่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำไมลุงป้อมถึงท้าชน ? เพราะป้อมปราการในขณะนี้ คือพรรคพลังประชารัฐ เสียงส.ส. เสียงในทางการเมือง ในทางสภา คือฐานที่มั่นสำคัญที่ลุงป้อมกำกับดูแลอยู่

ส่วนต้นตอในการท้าชน มาจากเรื่องเดียวกัน

สนามประลองที่จะบอกว่าหลังจากนี้การท้าชนจะเป็นอย่างไร ถ้าหากภายในเดือนกันยายน-ตุลาคม จัดการยังไม่ลงตัวระหว่างพี่น้อง และพรรคพลังประชารัฐ สนามประลองจะดุเดือดอยู่ที่สภา เพราะจะเปิดสมัยประชุมสภาเพื่อพิจารณากฎหมายเป็น ”สภานิติบัญญติ”

สภานิติบัญญัติมีกฎหมายสำคัญ ของรัฐบาลเข้าไป 2-3 เรื่อง

เพราะฉะนั้นสภาในการโหวตจะเป็นตัวชี้ชะตา ทางออกของสนามประลอง 

เกมการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ และเกมการเมืองของสามพี่น้องในตระกูล ป. จึงรุนแรงและน่าติดตามอย่างยิ่งว่าสถานการณ์สุดท้ายจะเป็นเช่นไร