จากการข่าวการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวแบบ “ไม่ต้องกักตัว” เพิ่มเติมในวันที่ 1 ต.ค. นี้ คงมีคนไทยหลายคนสงสัยถึงความพร้อมและการรับมือกับผลที่ตามมาหากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจจะเพิ่มขึ้น
แต่รู้หรือไม่การเปิดประเทศในครั้งนี้มีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การเปิดประเทศในวันที่ 1 ต.ค. นี้เป็นการเปิดอย่างมีเงื่อนไขในบางพื้นที่ ประกอบด้วย
1. กรุงเทพมหานคร บางเขต
2.เชียงใหม่ (อ.เมือง,อ.แม่ริม,อ.แม่แตง,อ.ดอยเต่า)
3.ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) 4.เพชรบุรี(อ.ชะอำ)
5.ชลบุรี(เมืองพัทยา อ.บางละมุนและอ.สัตหีบ) พื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 70% ครบเกณฑ์การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลักในการเปิดเมือง
ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้จะต้องมีคุณสมบัติได้แก่
-นักท่องเที่ยวจะต้องฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ
-นักท่องเที่ยวจะต้องจองที่พักไว้ล่วงหน้า
-นักท่องเที่ยวต้องระบุมาชัดเจนว่าจะท่องเที่ยวในพื้นที่ใดบ้าง จะเป็นที่เดิมทั้ง 14 วันหรือ 7+7 ท่องเที่ยวจังหวัดแรก 7 วันและ 7 วันต่อมาไปที่อื่นตามที่กำหนดไว้โดยห้ามออกนอกพื้นที่เด็ดขาด และไม่สามารถเปลี่ยนใจทีหลังได้
-นักท่องเที่ยวจะต้องโหลดแอพติดตามตัวโดยใช้ “แอพหมอชนะ” ซึ่งหากนอกจากพื้นที่ควบคุมก็จะแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ไปติดตามทันที
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่าอ้างอิงข้อมูลสถิติจากภูเก็ตแซนด์บอกซ์และสมุยพลัสโมเดล ว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยมีการติดเชื้อเพียง 0.28 % และนักเที่ยวไม่ได้เอาเชื้อไปติดให้คนไทย คนไทยที่อยู่ในพื้นที่ก็ไม่ได้เอาเชื้อไปติดให้นักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางกลับประเทศมีการตรวจโควิดอีกครั้งไม่มีผลการติดเชื้อโควิดจากประเทศไทยไปเลยแม้แต่หนึ่งคน นักท่องเที่ยว คนไทย เมื่อเรามีการทานอาหารมีการแยกจากกันชัดเจนไม่มีการแพร่ระบาด