6 กันยายน 2564 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ได้กล่าวขณะยื่นคำร้องขอฝากขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ และพวกรวม 7 คนเป็นผัดที่ 2 ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังยืนยันว่า แจ้งข้อหา พันตำรวจเอกธิติสรรค์ ในความผิด 3 ข้อหาเดิม คือ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด และร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทรมาน โดยกระทำทารุณโหดร้าย
สำนวนคดีหลักที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 80 แล้ว และคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ภายในวันที่ 24 กันยายนนี้
สำหรับสำนวนการชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของผู้เสียหาย อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ซึ่งทราบว่า อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อนจะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียหายอีกครั้งและในส่วนของตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดที่เหลืออีก 6 คน ซึ่งร่วมกันจับกุมผู้เสียชีวิตในคดีนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำไปแล้ว ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม
ตรวจค้นที่พักของนายดาบตำรวจวิสุทธิ์ บุญเขียว หรือดาบโบ้ ซึ่งพบยาเสพติด ไอซ์และกัญชา พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไปแล้ว ส่วนการตรวจค้นที่พักของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ ไม่พบว่า มียาเสพติดหรือยาที่เกี่ยวกับการรักษาอาการสองบุคลิก หรือ ไบโพลาร์ ดังนั้น จึงไม่มีการกล่าวถึงอาการสองบุคลิกในสำนวนคดีนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ส่วนประเด็นที่พันตำรวจเอกธิติสรรค์ แหล่งที่มาของครอบครองรถยนต์สูงและมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับรถยนต์หรูนั้น พลตํารวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ กองบัญชาการสอบสวนกลาง รวบรวมพยานหลักฐาน หากพบเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน
คดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้โอนสำนวนการสอบสวน จากสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ไปยังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมทั้งให้โอนการฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และขอโอนการขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน จากเรือนจำกลางพิษณุโลก ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสะดวกในการสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมาย