กรมราชทัณฑ์ ยืนยัน ดูแลรักษาผู้ต้องขังทุกรายตามมาตรฐาน

4 กันยายน 2564 เวลา 12.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 277 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 252 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 25 ราย) รักษาหายเพิ่ม 311 ราย เสียชีวิต 3 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,161 ราย (กลุ่มสีเขียว 85.9% สีเหลือง 13.4% และสีแดง 0.7%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 455 ราย ปริมณฑล 454 ราย และต่างจังหวัด 2,252 ราย

นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ ไม่พบเรือนจำที่มีการระบาดเพิ่ม สถานะเรือนจำจึงคงที่ กล่าวคือ มีเรือนจำสีแดงอยู่ที่ 39 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 103 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 53,967 ราย หรือ 91.8% ของผู้ติดเชื้อสะสม 58,770 ราย เสียชีวิตสะสม 127 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางนครสวรรค์ เรือนจำกลางปัตตานี และเรือนจำจังหวัดปทุมธานี แห่งละ 1 ราย ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อว่า กระบวนการดูแลรักษา รวมถึงการคัดกรอง และควบคุมการระบาดของโรค กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการโดยประสานความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดและปริมณฑล (ยกเว้นจังหวัดนนทบุรี) จะได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ในการเข้าตรวจคัดกรอง รวมทั้งการจ่ายยาและให้การรักษา โดยมี ศบค.ยธ. และ ศบค.รท. ทำหน้าที่ในการติดตามและสนับสนุน ทั้งยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียร์ รวมถึงเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องเอกซเรย์พระราชทาน และบุคลากรให้เพียงพอ ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการโดยทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการโดยโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบถ้วนและเพียงพอ ดังนั้น ผู้ต้องขังทุกรายจะได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว เป็นระบบและถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์