svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เตรียมปรับรพ.สนามชุมชนเป็นศูนย์กักกันหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดลดลง

01 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จังหวัดกาฬสินธุ์เตรียมปรับโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบลหรือ CI ให้เป็นสถานกักกันตัว หรือ LQ หลังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดมีจำนวนลดลง และผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มมากขึ้น พร้อมผ่อนคลายให้มีการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมไม่เกิน 50 คน

1 กันยายน 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งที่ 24/2564 ซึ่งมีนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ มีนายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ พร้อมคณะกรรมการเข้าร่วม โดยมีการรายงานถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ภาพรวมของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีสถานการณ์ดีขึ้นผู้ติดเชื้อในจังหวัดลดลง โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 33 ราย หายป่วย 96 ราย ภาพรวมทั้งจังหวัดมีผู้ป่วยสะสม 6,948 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,201 ราย หายป่วยแล้ว 5,704 ราย และเสียชีวิตสะสม 43 ราย โดยมีอัตราการครองเตียงคิดเป็นร้อยละ 46.71 ของจำนวนเตียงที่มีอยู่

เตรียมปรับรพ.สนามชุมชนเป็นศูนย์กักกันหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดลดลง

เตรียมปรับรพ.สนามชุมชนเป็นศูนย์กักกันหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดลดลง


    

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในภาพรวมของจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยผู้ติดเชื้อลดลง จึงทำให้โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบล หรือ community isolation :CI บางแห่ง ไม่มีผู้ป่วยรักษาอยู่ จึงต้องมีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและปรับ CI  ให้เป็น Local quarantine หรือสถานที่กักตัวในท้องที่ รวมทั้งได้มีการผ่อนคลายมาตรการตามแนวทางของ ศบค. โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ออกคำสั่งฯ ฉบับที่ 32 ผ่อนคลายการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมจากไม่เกิน 20 คน เป็นไม่เกิน 50 คน ส่วนการเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันครบโดส มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ หรือมีผลตรวจเป็นลบ แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข D-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด
เตรียมปรับรพ.สนามชุมชนเป็นศูนย์กักกันหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดลดลง

 

สำหรับการกระจายวัคซีนขณะนี้จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ออกฉีดวัคซีนเชิงรุกกระจายทุกพื้นที่ในกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์หรือกลุ่ม 608 ให้ได้มากที่สุด และคาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอื่น  เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ต่อไป
โดย - จักรพงษ์ ระวิวรรณ

 

logoline