ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงาน ทางด้าน พล.อ.ท.โทมัส บัสเซียร์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐ ที่ดูแลคลังแสงนิวเคลียร์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.2564) ตามเวลาท้องถิ่น ว่า การพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของจีนไม่ได้เป็นไปตามที่บอกไว้กับสาธารณชนว่า มีไว้เพื่อป้องปรามขั้นต่ำอีกต่อไปแล้ว
คาดว่าเร็วๆ นี้ จีนจะแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นภัยคุกคามนิวเคลียร์ใหญ่สุดของสหรัฐฯ การกล่าวเช่นนี้ ไม่ได้ดูแค่จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่จีนมีในคลังแสงเท่านั้น แต่ยังดูถึงวิธีการปฏิบัติงานภาคสนามของจีนด้วย
นายพลท่านนี้ กล่าวด้วยว่า
สิ่งที่จีนแตกต่างจากรัสเซียคือ สหรัฐฯ ไม่ได้ทำสนธิสัญญาหรือกลไกการสนทนากับจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือความสับสน
ความเห็นของ พล.อ.ท.บัสเซียร์ เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ พยายามปรับนโยบายต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมากขึ้น เพื่อรับมือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารของจีนที่ทวีขึ้นทุกขณะ
ระหว่างการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชียและพันธมิตรเมื่อต้นเดือน ส.ค.นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ก็แสดงความกังวลอย่างมากเรื่องคลังแสงนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้นของจีน
รายงานหลายฉบับจากกลุ่มคลังสมอง อาศัยข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมระบุว่า ดูเหมือนว่าจีนกำลังก่อสร้างไซโลเก็บขีปนาวุธนิวเคลียร์อีกหลายร้อยแห่ง รัฐบาลวอชิงตันได้ส่งข้อกล่าวหาว่า ปักกิ่งไม่ยอมเจรจาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
ส่วนจีนตอบโต้ว่า นิวเคลียร์ที่ตนมีเทียบไม่ได้กับสหรัฐฯและรัสเซีย และตนก็พร้อมจะเจรจาถ้าสหรัฐฯ จะลดคลังแสงนิวเคลียร์ให้เหลือเท่าๆ กัน
ที่มาของข่าว :กรุงเทพธุรกิจ