วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ พ.อ.ธีระ ผดุงสุนทร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทนผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 และว่าที่ร้อยตรี อดิศักดิ์ ดวงจินดา นายอำเภออมก๋อย ร่วมกันเป็นประธานในพิธีส่งมอบโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่อำเภออมก๋อย
โดยมีชุมชนจำนวน 4 ชุมชน จาก 3 ตำบล ประกอบด้วย บ้านจกปกและบ้านห้วยไก่ป่า ตำบลแม่ตื่น , บ้านพะอัน ตำบลสบโขง และบ้านมูเซอหลังเมือง ตำบลม่อนจอง นอกจากนี้ยังมีศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย ที่อยู่ในโครงการอีกด้วย
สำหรับโครงการนี้เป็นการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ ในการยกระดับระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ชุมชนห่างไกลทุรกันดาร ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้และระบบไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยโครงการนี้ดำเนินการโดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ภาค 3 (กอ.รมน.ภาค 3) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในปีงบประมาณ 2561 และได้รับการสนับสนุนงบประมาณในปี 2562 ใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 45 ล้านบาท
โดยการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าหลังจากที่มีการส่งมอบแล้วทางองค์การบริหารส่วนตำบลที่ได้รับมอบ จะนำไปบริหารจัดการดําเนินการจัดตั้งคณะกรรมการกองทุนไฟฟ้าชุมชน รวมดําเนินการตามกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ครัวเรือนพร้อมจัดตั้งกฎระเบียบการใช้ไฟฟ้า อัตราค่าไฟฟ้า การจัดเก็บค่าไฟฟ้าเพื่อบริหารโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูดสุง
สำหรับโครงการนี้จะทําการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาดกําลังติดตั้งไม่น้อยกว่า 210 กิโลวัตต์ ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ลิเทียม ขนาดความจุ 840 กิโลวัตต์-ชั่วโมง โครงข่ายไฟฟ้าชุมชน ระยะทาง 4,500 เมตร เสาไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จํานวน 120 ต้น พร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังสถานที่ส่วนกลางของชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ดังกล่าวเคยถูกนำไปเปรียบเทียบกับโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ของ “พิมรี่พาย” ยูทูปเบอร์และแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่ไปสร้างไว้ที่โรงเรียนบ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ใช้งบประมาณเพียง 5 แสนบาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ทาง กอ.รมน.ภาค 3 ชี้แจงว่าที่ราคาสูงกว่าของพิมรี่พาย เพราะว่าเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้สำหรับทั้งหมู่บ้าน ไม่ได้ใช้เพียงภายในโรงเรียนแบบของพิมรี่พาย