27 สิงหาคม 2564 นางสาวศรีไพร นนทรีย์ แกนนำกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต พร้อมด้วย นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ทั้งนี้ หนังสือที่ยื่นต้องการให้มี มาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหญิงตั้งครรภ์ ติดโควิด-19 และให้ได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด
นางสาวศรีไพร ระบุว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแรงงานจำนวนมาก บางคนรายได้ลดลง บางคนต้องตกงานสูญเสียรายได้ ซ้ำร้ายบางคนต้องสูญเสียคนในครอบครัว
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ได้รับการปกป้องจาก โควิด-19 เท่าที่ควร ไม่มีการแยกออกจากพื้นที่เสี่ยง ยังต้องเจอกับคนจำนวนมาก จึงทำให้มีหญิงตั้งครรภ์จำนวนไม่น้อยต้องติดโควิด และประสบปัญหาถูกรพ.ปฏิเสธการทำคลอด
นางสาวศรีไพร กล่าวอีกว่า ทางรพ.มีการระบุว่าไม่มีความพร้อมทำคลอดกรณีที่มีการติดโควิดด้วย ทำให้ผู้ป่วยและญาติต้องหารพ.ทำคลอดกว่า 4 แห่ง บางรายที่ติดโควิดทำคลอดที่รพ.เอกชนก็ถูกเรียกเก็บเงินกว่า 150,000 บาท นับเป็นการซ้ำเติมแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด–19 อย่างมาก หลายคนเลือกใช้วิธีการดูแลตัวเอง บางรายดีขึ้น แต่บางรายอาการทรุด ถึงเสียชีวิต
ขณะที่ นางสาวจรีย์ ระบุถึง เครือข่ายฯ มีข้อเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
ด้าน นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เห็นด้วยทุกข้อเสนอ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการดำเนินการอยู่ ในการเร่งฉีดวัคซีนหญิงตั้งครรภ์ และการรักษาด้วยยา เรมเดซิเวียร์ ที่เป็นแบบฉีดตามแนวทางกรมการแพทย์หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ติดโควิด-19 เนื่องจากในกลุ่มนี้ หากใช้ยาฟาวิพิราเวียร์แล้วอาจจะส่งผลกระทบข้างเคียงได้ ซึ่งตอนนี้มีการซื้อนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเพียงพอ
เบื้องต้น รพ.ไหนที่รับฝากครรภ์ต้องรับคลอด ห้ามปฏิเสธทุกกรณี โดยเฉพาะหากเป็นผู้ป่วยโควิด ซึ่งเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินต้องรับการรักษา หากรพ.ไหนปฏิเสธไม่รักษาหรือไม่ทำคลอด ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าชุด PPE
ทั้งนี้ที่ประชุม ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข จะมีการประชุม เพื่อเตรียมเสนอ ศบค. แนวทางให้หญิงตั้งครรภทำงานที่บ้าน 100% เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงหากรับเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงเสียชีวิตได้. โดยขอให้หญิงตั้งครรภ์อย่ากลัวการเข้ารับวัคซีนโควิด เนื่องจากวัคซีนโควิด ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพและมีประโยนช์กว่าการไม่ฉีด