เปิดที่มาของกลุ่มผู้ชุมนุม "ม็อบทะลุแก๊ส"

23 สิงหาคม 2564 การชุมนุมในชื่อ กลุ่ม “ม็อบทะลุแก๊ส” ปรากฎเป็นข่าวจากการแถลงของ พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย  รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และโฆษก บช.น. เปิดแถลงเมื่อ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่ามีการชุมนุมของม็อบทะลุแก๊ส  ที่สามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเป็นสมรภูมิของกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มอาชีวะที่ออกมาปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. จนมีการตั้งฉายาว่า สามเหลี่ยมตาลีบัน

คำว่าม็อบทะลุแก๊ส มาจากผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มทะลุแก๊ส" เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงตามประกาศนัดหมาย โดยเปลี่ยนชื่อไปตามสถานการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มาด้วยรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี โดยต่อมาสื่อต่าง ๆ ก็พากันเรียก ม็อบทะลุแก๊ส พร้อมติดแฮชแทก  #ม็อบทะลุแก๊ส

โฆษก บช.น. แถลงด้วยว่า พื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรวมตัวมั่วสุม หรือการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ  

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ได้มีการสรุปการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.เป็นเวลา 1 เดือนกับ 22 วัน ดำเนินคดีแล้วทั้งสิ้น 90 คดี มีผู้ต้องหาที่อยู่ในข่ายต้องถูกดำเนินคดี 481 คน จับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว 224 คน และจะได้ออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาดำเนินคดีอีก 118 หมาย ใน 118 หมายแบ่งเป็นแกนนำ 16 หมาย และกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆอีก 102 หมาย ในกรณีที่ผู้ใช้ความรุนแรงที่ปรากฏตามภาพ ในส่วนนี้จะเป็นความผิดอัตราโทษสูง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บอาวุธปืน ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร วางเพลิงเผาทรัพย์ในพื้นที่ต่างๆ และการสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งความผิดเหล่านี้พนักงานสอบสวนจะได้ขอหมายจับต่อศาลอาญาเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมในการแถลงข่าวว่า จากสถิติการจับกุมที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งในส่วนการจับกุมตามหมายจับ การจับกุมในขณะที่มีการเกิดเหตุรวม 224 ราย ในจำนวนนั้นกว่า 50% เป็นบุคคลที่ยังเป็นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

"เฉพาะฉะนั้นแล้ว การที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ คงไม่พ้นการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะสอดส่องดูแลเอาใจใส่ความประพฤติ การให้การศึกษา หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นหน้าที่ที่ระบุตามกฎหมาย" รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว