svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เมื่อความเห็นต่างกลายเป็นความไม่รักชาติ ในสายตามหาอำนาจที่ชื่อว่า จีน

20 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จางเหวินหง นักระบาดวิทยาชื่อดังของจีน ถูกโจมตีอย่างหนักหลังให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สวนทางกับนโยบายรัฐ โดยถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติ และลามไปถึงการจี้ให้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน

ผ่านมาหนึ่งปีกับความพยายามในการจำกัดและควบคุมผู้ติดเชื้อเข้มข้นของจีน อาศัยการปิดประเทศ ยับยั้งการแพร่ระบาดในชุมชนอย่างรวดเร็ว ควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ได้สำเร็จ แต่ที่สุดภายใต้มาตรการที่ว่ากลับตรวจพบการติดเชื้อสายพันธ์เดลต้าในสนามบินนานกิง จากเจ้าที่ทำความสะอาดจำนวนหนึ่ง

 

การแพร่ระบาดลุกลามไปอย่างรวดเร็ว นำไปสู่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนับพันในเวลาไม่ถึงสามอาทิตย์ นั่นทำให้จีนต้องเร่งมือในด้านการจัดหาและฉีดวัคซีน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ในประเทศมีจำนวนวัคซีนฉีดไปแล้วกว่า 1.9 พันล้านโดส

 

จากการระบาดในครั้งนี้ จางเหวินหง นักระบาดวิทยาแห่งโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้ ผู้ถูกยกให้เทียบเท่า แอนโทนี่ เฟาซี่ ที่ปรึกษาระดับสูงของทำเนียบขาว ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย "เว่ยป๋อ" ว่า การคาดหวังให้วัคซีนกำจัดเชื้อโควิด-19 ให้หมดไปอาจเป็นไปไม่ได้ การแพร่ระบาดจะยังคงดำเนินต่อแม้ทุกคนได้รับวัคซีนครบหมดทุกโดสแล้วก็ตาม มันแค่ทำให้อาการของผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยลงเท่านั้น ต่อจากนี้เราอาจจำเป็นต้องหาวิธีอยู่ร่วมกับไวรัส

 

การให้ความเห็นดังกล่าวตรงกับแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ หลายประเทศที่มีอัตราฉีดวัคซีนสูงต่างดำเนินแนวทางตามนโยบายนั้น ด้วยการใช้ชีวิตตามปกติโดยคาดหวังว่าจะเปลี่ยนโควิดให้กลายเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนกรณีไข้หวัดใหญ่

 

อย่างไรก็ตามบางส่วนกลับเห็นแย้งแนวคิดของเขา อีกทั้งเริ่มดำเนินการโจมตีนายแพทย์ผู้นี้บนโลกออนไลน์ กลุ่มคนที่เชื่อมั่นนโยบาย "ปลอดผู้ติดเชื้อ" พากันโกรธแค้น ผูกเรื่องนี้เข้ากับความรู้สึกชาตินิยมแล้วตราหน้าเขาว่าเป็น “คนทรยศที่บูชาความคิดแบบตะวันตกอย่างหน้ามืดตามัว” บ้างก็กล่าวหาว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับต่างประเทศบ่อนทำลายชาติ รวมถึงเชื่อมโยงวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่ตีพิมพ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนว่าไปลอกของคนอื่นมา จนทำให้มหาลัยฟูตัน ที่ออกใบปริญญาและจ้าง จางเหวินหง เป็นอาจารย์ต้องเปิดการสืบสวนหาข้อเท็จจริง

 

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นให้ เกาเฉียง อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขของจีน เผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์ People‘s Daily ในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 เรื่องแนวคิดอยู่ร่วมกับไวรัสว่า “ไม่คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คน นี่คือการตัดสินใจผิดพลาดในนโยบายโควิดของประเทศแบบสหรัฐฯหรืออังกฤษ เป็นผลมาจากการสนับสนุนค่านิยมแบบปัจเจกบุคคล” อีกทั้งยังเขียนในบทความว่าเขาประหลาดใจที่มีผู้เชี่ยวชาญบางคนสนับสนุนแนวทางนี้

 

ด้านรัฐบาลยังยืนยันแนวทางการทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ต่อไป เห็นได้จากกรณีการกักตัวครูในมลฑลเจียงซีเป็นเวลา 15 วัน หลังแสดงความเห็นสนับสนุนแนวคิดการอยู่ร่วมกับไวรัส 

 

แต่ในแวดวงนักวิชาการบางส่วนก็ออกมาปกป้องจางเหวินหงเช่นกัน โดยศาสตราจารย์วรรณคดีของจีน หยางเฟิง ออกมาบอกว่า “แบบนี้ใครจะยังกล้าพูดความจริง? ใครจะกล้าออกมาวิจารณ์? ในวันหน้าใครจะกล้าออกมาทำตามจรรยาบรรณวิชาชีพอีก?” รวมถึงผู้ใช้เว่ยป๋อบางส่วนยังออกมาบอกว่า แบบนี้มันไม่ต่างจากยุคการปฏิวัติวัฒนธรรม ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์, ปัญญาชน หรือศิลปินพูดอะไรขัดหูเข้าหน่อยก็ถูกโจมตี ทำร้าย และดูหมิ่นแบบนี้

 

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรก ความเกรี้ยวกราดของกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งในจีน ทำร้ายผู้ที่เป็นกลางหรือมีแนวคิดเสรีนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ กับจางเหวินหงเองก็เช่นกัน ปีที่แล้วเขาก็เพิ่งถูกต่อว่าเพียงเพราะแนะนำให้เด็กกินไข่และนมเป็นอาหารเช้าเพื่อเสริมโปรตีน แทนที่จะเป็นโจ๊กแบบอาหารจีน

 

ภายหลังการหายเงียบไปกว่าสามอาทิตย์ ที่สุด จางเหวินหง ก็โพสต์ข้อความลงเว่ยป๋ออีกครั้ง บอกว่าเขาไม่ได้ถูกดดันให้เงียบและที่ออกมาแสดงตัวเพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง แต่การกลับมาครั้งนี้เจ้าตัวเปลี่ยนท่าที โดยหันมายอมรับกลยุทธ์การควบคุมโรคระบาดในประเทศจีนว่า “เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับประเทศเราที่สุด”

logoline