นายเจริญฤิทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การระบาดของเชื้อโควิิด-19 ทั้ง 2 รอบ จังหวัดเชียงใหม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และประชาชนทุกคน ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี และรัฐบาล ได้กำหนดให้จังหวัดเชียงใหม่เป็น 1 ใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรค COVID 19 จากบริษัท Sinovac ของประเทศจีน เพื่อฉีดให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างมากต่อสุขภาพของประชาชน และขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดให้กลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ ซึ่งแม้ว่าชาวเชียงใหม่ จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ขอให้ยังคงเคร่งครัดในการป้องกันโรคเดิมไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่าง และการล้างมือบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มมรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับคนเชียงใหม่ โดยแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID 19 รอบแรก เป็นวัคซีน COVID 19 ของบริษัท Sinovac นำเสนอผ่านมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ในการประชุมครั้งที่ 27/2563 วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 โดยแผนการฉีดวัคซีนรอบแรกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วยรอบแรก เดือนมีนาคม 2564 จำนวน 3,500 โด๊ส ฉีดกลุ่มเสี่ยงจำนวน 1,750 คน ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 1,450 คน และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป โดยจะเน้นที่หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าสมาคม และผู้นำองค์กรที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 300 คน ซึ่งจะทำการฉีดที่โรงพยาบาลนครพิงค์ทั้งหมด
2. รอบแรก เดือนเมษายน 2564 จำนวน 32,000 โด๊ส ฉีดกลุ่มเสี่ยงจำนวน 16,000 คน ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 7,200 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 500 คน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 4,000 คน ผู้ที่มีโรคประจำตัว 6 กลุ่มโรค 3,800 คน ประชาชนทั่วไปและแรงงาน เน้นในกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 500 คน โดยกระจายการฉีดออกไปในโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐนอกสังกัด และโรงพยาบาลรัฐทุกอำเภอ
3. รอบแรก เดือนพฤษภาคม 2564 จำนวน 48,000 โด๊ส ฉีดกลุ่มเสี่ยงจำนวน 24,000 คน ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 7,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 1,500 คน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 4,500 คน ผู้ที่มีโรคประจำตัว 6 กลุ่มโรค 9,000 คน ประชาชนทั่วไปและแรงงาน เน้นในกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 2,000 คน โดยกระจายการฉีดออกไปในโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐนอกสังกัด และโรงพยาบาลรัฐทุกอำเภอ
ทั้งนี้ เกณฑ์การฉีดวัคซีน จะทำการฉีดในกลุ่มเสี่ยงข้างต้นที่มีความสมัครใจเป็นลำดับแรก และกระจายสัดส่วนใน 3 กลุ่มอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองและปริมณฑล 6 อำเภอ ร้อยละ 50 อำเภอชายแดน 5 อำเภอ ร้อยละ 20 และอำเภออื่นๆ 14 อำเภอ ร้อยละ 30