svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ "พระราชา"

11 พฤศจิกายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดวีรกรรมสมรภูมิบ้านหมากแข้ง ของในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งร่วมรบ ณ ฐานปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง เพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ประชาชนชื่นชมสรรเสริญ พร้อมเปิดใจหนึ่งในประชาชนที่ร่วมช่วยรบ ระบุซาบซึ้งและชื่นชมในวีรกรรมของพระองค์ที่ไม่เกรงกลัวอันตราย

ที่บ้านหมากแข้ง หมู่ 4 ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย มี "อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง" สมรภูมิพระราชา การสู้รับต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ของ ของในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นพระราชกรณียกิจอันห้าวหาญของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทำให้พสกนิกรได้แซ่ซ้อง ทรงเป็น "มิ่งขวัญ" ให้แก่คนไทยทุกคน ไม่ว่าเชื้อชาติและศาสนาใด
โดยเหตุการณ์วีรกรรมของพระองค์ท่านนั้นเกิดขึ้นราวพุทธศักราช 2511 ในช่วงเวลานั้นประเทศไทย ซึ่งก็เหมือนกับอีกหลาย ๆ ประเทศ ที่กำลังทำสงครามกับ "ลัทธิคอมมิวนิสต์" หลายพื้นที่ในประเทศไทยเต็มไปด้วยการสู้รบ โดยเฉพาะรอยต่อ 3 จังหวัด ครอบคลุม อ.หล่มสัก และหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์, อ.ด่านซ้าย และนาแห้ว จ.เลย รวมถึง อ.นครไทย และชาติตระการ จ.พิษณุโลก กระทั่งวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 เกิด "วันเสียงปืนแตก" ณ บ้านห้วยทรายใต้ อ.นครไทย บัดนั้นเป็นต้นมา ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เคลื่อนไหวปฏิบัติการรุนแรงยิ่งขึ้น ซุ่มยิง โจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ให้ได้รับบาดเจ็บล้มตายอยู่ตลอดเวลา
"บ้านหมากแข้ง" ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ก็เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ประสบปัญหา ชาวบ้านต้องหวาดผวากับ "เสียงระเบิด ควันปืน" เพราะที่นี่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหว กระทั่ง วันที่ 29 ตุลาคม 2519 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ลอบเข้าโจมตีที่ฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทาง "กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร 1617" ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับ ทว่าขณะที่นักบินนำเครื่องขึ้นได้ถูกผู้ก่อการร้ายยิงตกลงมา

ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"

ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"

ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"

ในวันต่อมาเมื่อหน่วยเหนือส่งกำลังไปช่วยเหลือก็ถูกผู้ก่อการร้ายระดมยิงจนนักบินไม่สามารถนำเครื่องลงได้ ต้องนำกำลังทั้งหมดไปส่งลงที่ฐานบ้านห้วยมุ่น และให้กำลังพลทั้งหมดเดินเท้าไปยัง "ฐานบ้านหมากแข้ง" แต่ระหว่างทางถูกผู้ก่อการร้ายซุ่มยิง ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 3 นาย
เมื่อนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบ ด้วยความห่วงใยพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ "ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจและราษฎรในพื้นที่ โดยวันที่ 5 พฤศจิกายน 2519 ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปฐานปฏิบัติการบ้านห้วยมุ่น หลังจากประทับรับฟังการบรรยายสรุปแล้ว พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งกับ พล.ท.สมศักดิ์ ปัญจมานนท์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ในขณะนั้น) ด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่าเนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้นไม่น่าไว้วางใจ แม่ทัพภาคที่ 3 จะกราบบังคมทูลทัดทานหากทว่าพระองค์ก็ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า"ชักช้าไม่ได้ ต้องไปแก้ไขให้ได้ในวันนี้ และเดี๋ยวนี้" "จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้"


ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"








จากนั้นเวลา 15.30 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง และมีรับสั่งให้นักบินนำเครื่องมุ่งตรงไปยังฐานบ้านหมากแข้งทันที ขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะร่อนลง ยังไม่ทันที่สกี (ฐานเฮลิคอปเตอร์) จะแตะพื้น พระองค์ได้กระโดลงมาทันที ความสูงประมาณ 12 เมตร แล้ววิ่งหลบ"ฝ่ากระสุน" ที่ปลิวว่อนไปมาอย่างกล้าหาญ ขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ "อาวุธปืนเล็ก" ระดมยิงเข้ามายังฐานบ้านหมากแข้งอย่างหนัก พระองค์ได้ทรงออกคำสั่งให้ทหารตามเสด็จฯมาด้วยทุกคน แยกย้ายกันนำทหารยิงโต้ตอบผู้ก่อการร้ายและมีคำสั่งให้ปืนใหญ่จาก "ฐานบ้านห้วยมุ่น" ยิงถล่มผู้ก่อการร้ายทันที
พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เสด็จฯไปยัง "หลุมบุคคล" รอบฐานปฏิบัติการ ทรงให้คำแนะนำแก่ทหารถึงวิธีวางกำลัง การจัดฐานและวางระบบป้องกันตนเอง รวมทั้งทรงแนะนำเรื่องการกำหนดมุมยิงของปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอีกด้วยพระองค์ได้ทรงออกคำสั่งให้ทหารตามเสด็จฯมาด้วยทุกคน แยกย้ายกันนำทหารยิงโต้ตอบผู้ก่อการร้ายและมีคำสั่งให้ปืนใหญ่จาก "ฐานบ้านห้วยมุ่น" ยิงถล่มผู้ก่อการร้ายทันที พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เสด็จฯไปยัง "หลุมบุคคล" รอบฐานปฏิบัติการ ทรงให้คำแนะนำแก่ทหารถึงวิธีวางกำลัง การจัดฐานและวางระบบป้องกันตนเอง รวมทั้งทรงแนะนำเรื่องการกำหนดมุมยิงของปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอีกด้วย


ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"



กระทั่งเวลา 16.00 น. ผู้ก่อการร้ายยังระดมยิงก่อกวนอยู่ตลอดเวลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงทรงบัญชาการให้ทหารยิงโต้ตอบ พร้อมสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออก "ลาดตระเวน" พิสูจน์ทราบด้วยพระองค์เอง โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด ท่ามกลางเสียทัดทานจากแม่ทัพภาคที่ 3 ด้วยเกรงว่าพระองค์จะทรงเป็นอันตราย แต่กระนั้นพระองค์ทรงมีรับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่กล้าหาญว่า"ฉันต้องไปเพราะว่าเป็นหน้าที่ของทหาร" ขณะที่ทรงนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ พระองค์ได้แสดงความกล้าหาญ มี "น้ำพระทัยเด็ดเดี่ยว" อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง ทรงนำหน้าทหารบุกตะลุยไปตามเส้นทางทั้งขึ้น และทางลาด แม้จะพบกับหญ้าสูงรกทึบ ยากลำบากต่อการเคลื่อนที่ เสี่ยงอันตรายจากถูกซุ่มยิง และถูกกับระเบิด แต่พระองค์ไม่ได้ทรงหวาดหวั่น ระหว่างนั้นผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงมายังชุดปฏิบัติการของพระองค์ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แต่พระองค์ไม่ได้ทรงกลัวแต่ประการใด ทรงมีพระสติมั่นคง สั่งทหารดำเนินกลยุทธ์ยิงโต้ตอบ จนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องล่าถอยไป
ท่ามกลางสถานการณ์ "ตึงเครียด" เพราะผู้ก่อการร้ายยังคงยิงเข้ามาไม่ขาด พระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้จัดชุดปฏิบัติการ นำพระองค์ไปยัง "หมู่บ้านหมากแข้ง" โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ แม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการมาก และเส้นทางมีอันตรายรอบด้าน
การเสด็จฯไปยังหมู่บ้านหมากแข้งแห่งนี้ทรงมีพระราชประสงค์เพื่อฟื้นขวัญกำลังใจแก่ราษฎร ท่ามกลางความปลื้มปีติยินดีของชาวบ้าน พระองค์ได้ทรงไต่ถามทุกข์สุข และขอให้ราษฎรทุกคนอย่าได้ย่อท้อวิตกกังวล ขอให้เชื่อมั่นว่า "ทหารจะคุ้มครองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่"
นายตุ แสงราช อายุ 80 ปี บ้านเลขที่ 89 หมู่ 4 บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นคนแรกที่วิ่งไปจับปืนแก็ปออกไปช่วยตำรวจต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในขณะนั้นตนมีอายุ 43 ปี เห็นว่ามีการปะทะกันหนักตำรวจต้องได้รับบาดเจ็บหลายนาย จนวันที่ 4 พ.ย.2519 ขณะที่การสู้รับรุนแรง ก็มีเฮลลิอคอปเตอร์บินมาลง ณ บ้านหมากแข้ง 3 ลำ 1 จำนวนนั้นตนเห็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้น มาด้วย เครื่องยังไม่แตะพื้น พระองค์สวมเครื่องแบบทหารไทยกระโดดลงมาพร้อมอาวุธปืน เอ็ม 16 และปืน เอ็ม 79 วิ่งไปยิงปะทะกับผู้ก่อการร้ายทันทีพร้อมกับนายทหารอีก 1 นาย สักพักใหญ่พระองค์วิ่งกลับมาที่ที่ฐานเพื่อตรวจเยี่ยมอาการของตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและไปตรวจเยี่ยมประชาชน ครู นักเรียนที่โรงเรียน ด้วย และทรงเสด็จประทับแรมที่ฐานเป็นเวลา 1 คืน 2 วัน และการต่อสู้สงบลงพระองค์จึงเสด็จกลับ


ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"



ย้อนรอยบ้านหมากแข้งสมรภูมิ \"พระราชา\"



ตนขอกล่าวในนามพสกนิการชาวบ้านหมากแข้งว่า เห็นว่าพระองค์ได้ทรงกล้าหาญ ไม่ย่อท้อไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตราย สู้รบกับทหาร ตำรวจเพื่อเอาชนะศัตรูได้ ประชาชนซาบซึ้งพระองค์สร่างแรง สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่สู้รบ ที่ประชาชนไม่อาจลืมได้ตลอดชีวิต และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง ก็ขออำนวยอวยพรชัยให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระองค์จงมีแต่ความสุข อายุมั่นยืนนานตลอดไป

logoline