นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน ว่า หน่วยงานต่างๆกำลังเร่งช่วยเหลือประชาชนจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจากน้ำหลากจากตอนบนลงมา หลังเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ต่อเนื่อง
ขณะนี้น้ำใน จ.สุโขทัย เลยจุดสูงสุดของระดับน้ำแล้วและจะลดลงตามลำดับ ส่วนปริมาณน้ำท่วมสูงสุดได้ไหลผ่านอำเภอเมือง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ และปริมาณน้ำที่ไหลผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำได้ลดลงต่ำกว่าระดับตลิ่งแล้วเมื่อเวลา 20.00 ของเมื่อวานนี้ (25 ก.ค.63)
เบื้องต้น กอนช.ประเมินปริมาณน้ำหลากมีทั้งหมด 384 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลผ่านไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ จึงเหลือน้ำคงค้างและอยู่ระหว่างเร่งระบายในพื้นที่อีกประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีพื้นที่น้ำท่วมในสุโขทัยและพิษณุโลก 73,481 ไร่ คาดการณ์ว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในสิ้นเดือนนี้
สิ่งที่ได้รับประโยชน์จากน้ำหลากสามารถเก็บกักไว้ในลำน้ำสายหลักและลำน้ำสาขาในทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ได้ประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเป็นน้ำต้นทุนสำหรับเกษตรกรในพื้นที่ โดยปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจะไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ในวันที่ 1 กันยายนในอัตราสูงสุด 1,238 ลูกบาศก์เมตรวินาที ซึ่งลำน้ำรับได้ 3,500 ลูกบาศก์เมตรวินาที แล้วจะไหลลงมาที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทในวันที่ 2 กันยายน ในอัตรา 200 ลูกบาศก์เมตรวินาที
จึงให้กรมชลประทานเร่งผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตกในอัตรา 93 ลูกบาศก์เมตรวินาที และฝั่งตะวันออก ในอัตรา 62 ลูกบาศก์เมตรวินาที เพื่อเก็กกักน้ำไว้ในระบบชลประทานและใช้เป็นน้ำต้นทุนส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรที่กำลังขาดแคลนน้ำอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งยังส่งผลดีต่อพื้นที่ตอนล่างแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำด้วย และการผันน้ำผ่านคลองชัยนาท-ป่าสัก คลองระพีพัฒน์ไปยังสถานีสูบน้ำคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เพื่อสูบน้ำส่งไปเก็บในอ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ย้ำถึงแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยมทั้งระบบ โดยเฉพาะการเพิ่มจุดเก็บกักน้ำและชะลอน้ำทุกรูปแบบในพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วมและเก็บกักน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง
ที่ผ่านมารัฐบาลได้พัฒนาแหล่งน้ำตามแผนหลักลุ่มน้ำยม (ปี 2564 2580) ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีแผนหลักดำเนินการ 3 ส่วนหลัก คือ ยมตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง
ซึ่งเป้าของแผนหลักลุ่มน้ำยม 20 ปี ต้องสามารถพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำตอนบน - ตอนกลาง 800 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ชะลอน้ำตอนล่าง 833 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 253,630 ไร่ และลดปัญหาน้ำท่วมได้ 54,159 ไร่