สำหรับตัวเต็งที่จะเข้ามากุมบังเหียนต่อ หลายคนต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่สำหรับกติกาใหม่ที่ปรับแก้กันไว้ในยุค คสช. นายตำรวจที่มีลุ้นจะต้องเป็น "พลตำรวจเอกตำแหน่งหลัก" คือ รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ส่วนบรรดาที่ปรึกษา สบ 10 ถือว่าหมดลุ้น
หนึ่ง คือ "บิ๊กปั๊ด" พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
สอง คือ "บิ๊กใหม่" พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
โดยทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 รุ่นเดียวกับ "บิ๊กแป๊ะ" แคนดิเดตคนที่สาม ซึ่งชื่อมาแรงแซงโค้ง คือ พลตำรวจเอก มนู เมฆหมอก นักเรียนนายร้อยรุ่น 38 จะเกษียณอายุราชการในปี 2564 ซึ่งระยะหลังมานี้ ถูกจับตาจากคนในแวดวงสีกากีว่า อาจได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.เจ้าของรหัส "พิทักษ์1" แซงเพื่อนร่วมรุ่น "บิ๊กแป๊ะ" อีก 2 คน
ย้อนกลับไปที่ "บิ๊กปั๊ด" พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ชื่อนี้เต็งหนึ่งมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นนายตำรวจมือดี คลี่คลายคดีสำคัญๆ มามากมาย โดยเฉพาะคดีระเบิดกลางกรุงเทพฯ ทั้งที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและย่านการค้า รวมทั้งเหตุกราดยิงที่โคราช ซึ่ง "บิ๊กปั๊ด" สวมบทกุนซือบัญชาการ และประสานสิบทิศอยู่แนวหลัง "บิ๊กแป๊ะ" คอยวางแผนจนสามารถคลี่คลายเหตุการณ์ สายสันพันธ์สนิทแนบแน่นกับ "บิ๊กแป๊ะ" รวมไปถึง "บิ๊กแดง" พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 ข้อด้อยของ "บิ๊กปั๊ด" มีข้อเดียว คือ ลำดับอาวุโสในระนาบรอง ผบ.ตร.ยังน้อยเกินไป
ถัดมา "บิ๊กใหม่" พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ลูกชายของอดีตอธิบดีกรมตำรวจคนดัง "แสวง ธีระสวัสดิ์" มีชื่อเสียงในแนวบู๊ ลงพื้นที่รบกับโจรใต้มานานนับสิบปี ภาพของ "บิ๊กใหม่" ที่หลายคนคุ้นชิน คือถือปืนยาวอยู่หน้าลูกน้อง ผ่านงานเสี่ยงตายมามากมาย
ขณะที่รอง ผบ.ตร.คนอื่นๆ บ้างก็เกษียณ บ้างก็ถูกเด้งพ้นกรมปทุมวัน ทั้งๆ ที่อายุราชาการยังเหลืออีกนาน อย่างเช่น พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา จึงต้องหมดลุ้นไปอยางน่าเสียดาย
ในห้วงที่การเมืองกำลังเข้าสู่จุดไคลแม็กซ์ มีแรงกดดันจากทั้งในสภา นอกสภา และปัญหาเศรษฐกิจ การวางคนและค่ายกลในกองทัพสีกากีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากมองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งใหม่ที่อาจมีขึ้นในปีหน้า ฉะนั้นหากหมากเกมนี้เลือกเดินผิด อาจไม่มีสิทธิ์ย้อนกลับมาแก้ไขได้อีกแล้ว เข้าตำรา "เดินเกมผิดชีวิตเปลี่ยน"