ทั้งนี้ ไทยมองเห็นความสำคัญของความตกลงอาร์เซ็ปในการเปิดโอกาสสู่ตลาดที่มีประชากรรวมกันมากถึง3,500 ล้าน คิดเป็นประมาณ 48%ของประชากรโลก โดยความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้า บริการและการลงทุนของไทยและผู้ประกอบการไทยสามารถสรรหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายทั้งเชิงคุณภาพและราคามากขึ้นซึ่งจากเดิมที่สรรหาวัตถุดิบเพียง 10 ประเทศในอาเซียน ขยายเป็น 16ประเทศ ทำให้ไทยเข้าไปอยู่ในเครือข่ายภาคการผลิต และการกระจายสินค้าของภูมิภาค
นอกจากนี้ ความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้าประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้กฎเกณฑ์การค้าของประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปมีมาตรฐานและสอดคล้องกันมากขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางการค้าและการลงทุนของไทยตลอดจนภูมิภาคด้วยสำหรับด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชอาร์เซ็ปจะช่วยให้อาเซียนรวมถึงไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดการค้าสินค้าเกษตรและเป็นโอกาสของไทยที่สามารถส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปได้มากขึ้นรวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าวซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญของไทย จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรตลอดจนผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา กรมฯได้เตรียมความพร้อมรองรับการบังคับใช้ความตกลงอาร์เซ็ปด้วยการจัดประชุมหารือกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างความมีส่วนร่วมและให้ข้อมูลความคืบหน้าการเจรจาตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ สื่อโทรทัศน์สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ ซึ่งหากการเจรจาสามารถปิดรอบได้ กรมฯมีแผนจะสรุปผลความตกลงอาร์เซ็ปเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบรวมทั้งจัดสัมมนาและลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ผลการเจรจาให้ผู้เกี่ยวข้องต่อไป