วันที่ 24 เม.ย. 62 ร.ต.อ.ขัตติยะ พลดงนอก รองสารวัตรสอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น สอบปากคำนางสาวสุทธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาว ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หลังตกเป็นผู้เสียหาย ถูกนายครรชิต แสนเวียง อายุ 29 ปี ชาว ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ก่อเหตุพยายามข่มขืนกระทำชำเราที่บริเวณป่าหญ้าข้างทาง ริมถนนมลิวรรณ ใกล้กับโรงเรียนบ้านกุดแข้ห้วยบง ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ ก่อนที่จะมีพลเมืองดีผ่านไปพบและเข้าช่วยเหลือพร้อมจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา
.
.
นางสาวสุทธิดา ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนกำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน หลังเลิกงาน เจ้าของร้านที่ตนทำงานอยู่ด้วยได้พาไปเที่ยวต่อที่สถานบันเทิง โดยไปกันหลายคน ซึ่งตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเดียว หลังจากสถานบันเทิงปิดทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ตนก็กำลังขี่รถจักรยานยนต์จะกลับบ้าน เนื่องจากดึกแล้วตนจึงค่อยๆขับมาตามไหล่ทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบมา จากนั้นชายคนที่ซ้อนท้ายได้กระโดดลงจากรถมานั่งค่อมที่เบาะท้ายรถของตน ทำให้รถเสียหลักล้มลงข้างทาง ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายจะถอนกางเกงออกและพยายามกดตนลงนอนกับพื้นหญ้าเพื่อจะข่มขืน ตนพยายามร้องให้คนช่วยสุดชีวิต ซึ่งโชคดีที่ขณะนั้นมีพลเมืองดีผ่านมาเห็นเหตุการณ์ และจอดรถลงมาช่วยเหลือ ก่อนที่จะรุมกระทืบผู้ก่อเหตุและโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุมคนร้าย
ด้านนายปิยพัทธ์ บุญมาน้อย พลเมืองดี เปิดเผยว่า ตนได้มาเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนๆประมาณ 6 คน หลังสถานบันเทิงปิดประมาณช่วงเที่ยงคืน ระหว่างทางกลับบ้าน พบว่ามีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างไหล่ทางจึงพากันลงไปช่วย ขณะกำลังลงไปพบว่ามีผู้ชายหนึ่งคน ได้วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว และข้างทางพบผู้หญิง นอนร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกคนร้ายกำลังจะข่มขืน และภาพที่ตนเห็นในขณะนั้นคือคนร้ายถอดกางเกงออกกำลังจะปลุกปล้ำขืนใจ น้องผู้หญิงอยู่ พวกตน 6 คนจึงเข้าช่วยเหลือ ซึ่งคนร้ายได้พยายามจะหนีและมีท่าทีต่อสู้พวกตนจึงร่วมกันตัดกำลังคนร้ายด้วยการกระทืบตามสมควร
จากการสอบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นยังไม่สามารถให้การได้อ้างเพียงว่า เมื่อคืนเมาหนักจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองก่อเหตุอะไรมา อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเตรียมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก พยายามข่มขืนกระทำชำเรา กระทำอนาจาร และทำร้ายร่างกาย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.