svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

อะไรๆ ก็ฉุกเฉิน "ผ้าห่มฟรอยด์-เพาเวอร์เจล" เครื่องช่วยชีวิต 13 หมูป่า

บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียวสำหรับภารกิจช่วยชีวิตทีมฟุตบอล "หมูป่า อะคาเดมี่" หลังจากนาทีแรกที่ทีมกู้ภัยชาวอังกฤษ 2 คน จอห์น โวลันเธน กับ ริชาร์ด สแตนตัน ดำน้ำโผล่ไปเจอหมูป่าน้อยทั้งฝูงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโขดหินจุดเนินนมสาว ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา


และแม้ว่าตอนนี้ทีมกู้ภัยจะยังไม่สามารถพาเด็กๆ ออกมาได้ ทัั้งที่เวลาล่วงไปแล้ว 2 วัน แต่พวกเขาได้รับการประคบประหงมอย่างดีจากพี่ๆ ทหารหน่วยซีล คนเหล็กจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ที่ได้รับมอบหมายให้นำเวชภัณฑ์ ยา อาหาร และผ้าห่มฟรอยด์ฉุกเฉิน (Emergency foil space blankets) เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นไปก่อน เพราะรู้ดีว่าแม้ด้านสุขภาพของเด็กยังดูแข็งแรงดี แต่ท้องของเขาคงร้องจนแสบไปหมดแล้วด้วยความหิว ไม่งั้นคงไม่เพียรพูดโยค We are hungry "พวกเราหิว" แทรกในบทสนทนาอยู่หลายครั้ง



อย่างไรก็ตามการช่วยชีวิตคนที่ติดถ้ำอดอาหารนานถึง 10 วัน มีกระบวนการละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งแพทย์รวมทั้งโภชนากรเคยแนะนำไปแล้วว่าต้องทำอย่างไรบ้าง และที่สำคัญไม่ควรให้ผู้ประสบภัยกินอาหารหนักในทันทีเพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินผิดปกติจนสารเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ทำให้ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม ในเลือดต่ำ จนส่งผลการทำงานของเซลล์ร่างกายได้



ฉะนั้นแล้วเมื่อข้อควรปฏิบัติทางการแพทย์และโภชนาการกำหนดไว้แบบนี้ี้ หมูป่าทั้งหลายจึงจำเป็นต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน โดยรับประทานอาหารที่ไม่คุ้นเคยและไม่ถูกปากไปก่อนในวันแรกๆ จนกว่าร่างการจะปรับสภาพได้ ซึ่งเจ้าอาหารที่ว่านี้ก็คือ เพาเวอร์เจล อาหารฉุกเฉิน!

สิ่งที่เรียกว่าเพาเวอร์เจลนี้ เป็นเจลให้พลังงานชนิดหนึ่ง ต้นกำเนิดของมันคือ "เอนเนอร์จี เจล (Energy Gel)" เป็นเจลที่ทำจากคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้พลังงานและฟื้นฟูสภาพร่างกาย โดยปกติมักใช้ในกิจกรรมที่ใช้แรงและเสียเหงื่อมากๆ อาทิ วิ่งมาราธอน และปั่นจักรยาน เป็นต้น โดยทั่วไปมักบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่ฉีกง่ายเพื่อความสะดวกในการพกพาและบริโภค



เมื่อปีค.ศ.1983 ในการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิก นักวิ่งมาราธอนชาวแคนาดาสูญเสียชัยชนะให้คู่แข่งไปอย่างน่าเสียดายในระยะทางก่อนหน้าการเข้าเส้นชัยเพียงไม่กี่กิโลเมตรเพียงเพราะว่าสภาพร่างกายของเขาขาดพละกำลังที่จะวิ่งต่อไปได้



จากประสบการณ์ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เองทำให้เขาและภรรยาซึ่งเป็นนักโภชนาการเริ่มต้นการคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณสมบัติในการให้พลังงานและคุณค่าทางโภชนาการตรงตามที่ร่างกายนักกีฬาต้องการ ตลอด 3 ปีที่พวกเขาร่วมกันคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อาหารนี้ จนในที่สุดผลิตภัณฑ์เพาเวอร์บาร์จึงผลิตออกมาเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1987



ปัจจุบันเจลให้พลังงานเหล่านี้มีการผลิตและจำหน่ายหลายยี่ห้อ หลายรสชาติและหลายบรรจุภัณฑ์ มักแจกพร้อมน้ำให้ผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันกีฬาต่างๆ สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 30-40 บาท



เพาเวอร์เจลที่นำไปให้นักฟุตบอลจอมอึดแห่ง "หมูป่า อะคาเดมี่" กินนั้น ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน เมื่อบริโภคเข้าไปร่างกายจะดูดซับคาร์โบไฮเดรตเพื่อเป็นพลังงานให้ร่างกาย ชะลอความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เพิ่มน้ำตาลในเลือด และปราศจากไขมัน โปรตีน หรือไฟเบอร์ ทำให้ร่างกายย่อยสารอาหารได้ง่าย ลักษณะโดยรวมคือเหมือนเครื่องดื่มสปอร์ตดริงก์ที่ไม่เป็นน้ำนั่นเอง



วิธีการกินเพาเวอร์เจล ควรกินก่อนออกกำลังกาย 15 นาที และหลังจากเริ่มออกกำลังกายไปแล้ว 30-45 นาที และใช้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงที่ใช้แรงทุก 30-45 นาที และควรดื่มน้ำตามทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำ



กระนั้นแม้ว่าเพาเวอร์เจลจะมีสรรพคุณอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แต่การบริโภคก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพของร่างกาย สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ กรมอนามัย แนะนำว่า เพาเวอร์เจลเป็นอาหารเฉพาะกิจชั่วคราว สำหรับคนที่สภาวะร่างกายไม่ปกติ คนปกติไม่ควรกิน



"เพาเวอร์เจลมีไว้สำหรับคนที่ใช้พลังงานมากๆ เพื่อต้องการมาเสริมพลังงาน อันที่สองเพาเวอร์เจลไว้สำหรับฟื้นฟูสภาพบุคคลที่อดอาหารมานาน"



เช่นเดียวกับ นพ.สรฤทธิ์ เกียรติเฟื่องฟู แพทย์เวชศาสตร์การบินฉุกเฉิน บอกว่า เพาเวอร์เจล สามารถช่วยนักเตะทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตได้แต่ต้องให้ในปริมาณพอดี การที่เด็กขาดสารอาหารมานาน การให้อาหารมื้อใหญ่อาจทำให้ร่างกายทำงานหนัก อาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นเพาเวอร์เจลช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องให้ในปริมาณที่พอเหมาะ



ส่วนคุณสมบัติของผ้าห่มฟรอยด์ฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า ผ้าห่มอวกาศ หรือ ไมลาร์แบลงเก็ต ข้อมูลระบุว่า ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยองค์การอวกาศนาซาในปี ค.ศ.1964 เพื่อใช้กับนักบินอวกาศ



ผ้าห่มฉุกเฉินเป็นแผ่นพลาสติกขนาดบางเคลือบฟรอยด์ไมลาร์ (PET film) ขนาดเมื่อกางออก 52x84 นิ้ว มีคุณสมบัติในการกักเก็บความร้อน สะท้อนความร้อน สะท้อนแสง กันน้ำและกันลม สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ใช้แทนผ้าห่ม ใช้กับนักกีฬา ใช้ในงานกู้ชีพ กู้ภัย ใช้พันห่มร่างกายผู้บาดเจ็บเสียเลือด หรือคนตกน้ำ เพื่อไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อน (Hypothermia Prevention)



ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเราสามารถใช้ผ้าห่มฉุกเฉินเพื่อกักเก็บความร้อนที่ออกจากร่างกายเราได้ถึง 90%



นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน และศูนย์กู้ชีพ นเรนทร รพ.ราชวิถี อธิบายว่า เนื่องจากภายในถ้ำอาจมีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น ซึ่งคุณสมบัติของผ้าห่มฟรอยด์จะช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อบอุ่น เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นจากภายนอกจะไม่สามารถเข้าไปกระทบผิวหนังของคนได้โดยตรงจึงทำให้อุณหภูมิของร่างกายค่อยๆ อบอุ่นขึ้น



เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า การอยู่ในอากาศหนาวเป็นเวลานานจะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง เกิดปัญหาที่เรียกว่า ภาวะตัวเย็นเกินจะทำให้เส้นเลือดหดตัว หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย สมองหรืออวัยวะอื่นๆ อาจขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้นการใช้ผ้าห่มฟรอยด์กับเด็กๆ 13 คน จะช่วยให้ร่างกายเขาดีขึ้น