
จากกรณีชาวโซเซี่ยลแห่แชร์คลิปเหตุการณ์ ชาย 2 คนชกต่อยกันชุลมุน โดยมีหญิงสาวอีกคนร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า ค่าทำผมแสนสี่ เนื่องจากไม่พอใจหลังไปทำผมที่ร้านทำผมแห่งหนึ่งและถูกเรียกเก็บค่าทำผมเป็นเงิน 140,000 บาท เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุด ที่ วัด เศวตฉัตร เจริญนคร 25 กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 18 มิถุนายน น.ส.ณฐิตา หรือ จูน มุศรี อายุ 36 ปี เจ้าของร้านทำผม พร้อมกับ นาย ธนิสร หรือ บอล ประกอบเสียง อายุ 38 ปี สามี และ น.ส.วันอาสาฬห์ พิทักษ์ อายุ 23 ปี เพื่อนของคู่กรณี ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำผมราคาแพง พร้อมกับนำหลักฐานและอุปกรณ์การทำผมและทำเล็บทั้งหมด ที่ทางคู่กรณีได้มาใช้บริการ พร้อมกับ สาธิตวิธีการทำให้ดูอีกด้วย
น.ส.ณฐิตา กล่าวว่า จะขอลำดับเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมด เริ่มต้นจากลูกค้ารายนี้ได้เข้ามาต่อผมที่ร้าน โดยก่อนหน้านี้ มีการพูดคุยและตกลงราคากันแล้ว ว่า การต่อผมแบบขนนก เกรด AAAA ซึ่งผมของลูกค้าเป็นผมสั้น จะต้องต่อทั้งหมด 24 ชั้น ชั้นละ 4,000 บาท ซึ่งทางลูกน้องได้บอกว่า " ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ขอให้ผมสวยและเนียนก็พอ " เมื่อลูกค้าตกลง ทางร้านจึงใช้ระยะเวลาการเตรียมผม ประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้น เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ลูกค้าได้เข้ามาทำผมใช้เวลาทำตั้งแต่ 14.00 น. - 05.00 น. ของวันที่ 20 พ.ค. ซึ่งในระหว่างทำลูกค้าก้อร่าเริงและพอใจกับผมที่ต่อ
น.ส.ณฐิตา กล่าวอีกว่า เมื่อถึงเวลาเช็คเงิน เราแจ้งว่า รายการที่ทำ คือ ต่อผม 24 ชั้น ชั้นละ 4,000 บาท ราคา 96,000 บาท , ฟอกสีผม ค่ากัดสีผม 5 รอบ รอบละ 3,000 รวมผมต่อ ราคา 15,000 บาท , ทำสีผม 1 รอบ ทั้งสีผมจริงและสีผมต่อ ราคา 8,500 บาท , สำสปา Joico 6 รอบ ราคา 12,000 บาท , ทำเล็บ ต่อเจล และติด เพชร ชวารอฟกี้ ของแท้ ราคา 4,500 บาท , ค่าเสื้อผ้า ราคา 3,160 ทั้งหมด ราคา 139,160 บาท ซึ่งตอนนั้นทางลูกค้าได้ให้ทิปพนักงานอีก รวมทั้งหมด 143,160 บาท แต่ทางร้านคิดเพียง 140,000 บาท
เจ้าของร้าน กล่าวว่า เมื่อต้องจ่ายเงินทางลูกค้าบอกว่า มีเงินสกุลนอก จะนำไปแลกก่อน เดี๋ยวจะโอนเงินให้ ตนก็บอกไปว่า " ยังไม่ได้ให้เลขบัญชีน้องเลย แล้วจะโอนมาได้ยังไง " หลังจากนั้น ลูกค้าก็มีท่าทีไม่พอใจ เดินออกจากร้านไป และให้พนักงานที่ร้านนำเลขบัญชีมาให้ และลูกค้าก็โอนเงินมาให้ตนก่อน 40,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้น ในระยะเวลา 4 วัน ต่อมา เห็นลูกค้าเงียบไป ตนจึงทักข้อความไปทาง เฟซบุ๊ก ตลอด และทางลูกค้าก็ตอบกลับมาในลักษณะเสียความรู้สึกกับราคา ที่แพงเกินไป หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป
" หลังจากนั้นลูกค้าท่านนี้ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ว่าราคาแพงไปและถูกทางร้านกักขังหน่วงเหนี่ยว นอกจากนั้นยังบอกว่า ถูกมอมแอลกอฮอล์อีกด้วย ซึ่งตนก็ไปพบตำรวจที่สถานีตำรวจแล้ว และได้อธิบายให้ฟัง ว่า ไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด พร้อมกับนำกล้องวงจรปิดภายในร้านให้ดูด้วย ว่าลูกค้าเดินออกจากร้านไปเอง และจากนั้นร้านก็ปิด ส่วนเรื่องมอมแอลกอฮอล์นั้น ทางลูกค้าเป็นคนให้พนักงานซื้อแอลกอฮอล์มากินเอง ส่วนที่นายธนิสร สามีดื่มแอลกอฮอล์นั้น ซื้อมากินกันเอง ไม่ได้มีการมอมกันเกิดขึ้น "น.ส.ณฐิตาระบุ
น.ส.ณฐิตา กล่าวว่า จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ลูกค้ารายเดิมได้กลับเข้ามาที่ร้านอีกครั้ง และมาทักทายพนักงานตามปกติ ซึ่งลูกค้าได้บอกว่า ตนและแม่ตะโดนด่า นั้น ไม่เป็นความจริง จากกล้องวงจรปิด ตนได้ออกจากร้านไปก่อนที่ลูกค้ารายนี้จะมา และเมื่อลูกค้าทราบว่าตนออกจากร้านไปแล้ว ก็ได้ขับรถตามมาและได้ขับรถมาชนท้ายรถของตน จากนั้น นายธนิสร จึงลงไปดูและเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น จนเกิดเป็นคลิปขึ้น ซึ่งในขณะที่เกิดเรื่อง ตนทราบดีว่าอีกฝ่ายมีอาการมึนเมาอย่างแน่นอน
" ตนขอยืนยัน ว่า ไม่ได้เก็บราคาเกินจริง เนื่องจากได้มีการชี้แจงลูกค้าทุกกระบวนการและขั้นตอนแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ออกมาพูดแบบนี้ เพราะส่งผลให้ทางร้านเสียหาย วันนี้จึงจำเป็นต้องออกมาแถลงข่าวเพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่าทางร้านไม่ได้ฉ้อโกงแต่อย่างใด และก่อนหน้านี้ลูกค้าคนนี้ก็ได้มีการมาทำผมที่ร้านราคากว่า 40,000 บาท แล้วก็กลับมาทำอีกหลายครั้ง จนทำให้ทางร้านเชื่อว่าสามารถจ่ายเงินตามราคาที่ลูกค้าเลือกได้และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น "เจ้าของร้านระบุ
น.ส.ณฐิตา กล่าวอีกว่า ร้านของตน มีหลายราคา มีทั้งถูกและแพง ซึ่งเรทราคาเป็นไปตามปกติ แต่ทางลูกค้า เลือกที่จะต้องการจะทำแบบนี้ ในราคานี้ ซึ่งเมนูที่ร้านของตน จะมีราคาบอกไว้ทุกอย่าง แล้วแต่กำลังของลูกค้า ลูกค้าสามารถตกลงราคากันได้ ขอดูราคาก่อนได้ ตนไม่ได้คิดจะเอาเรื่อง แต่อยากให้น้องออกมาขอโทษและพูดความจริง อันไหนที่ทางร้านผิดก็พร้อมยอมรับ และจะชัดเจนในเรื่องของราคามากขึ้น หากลูกค้าทำหลายรายการ เช่นในกรณีนี้
ด้าน น.ส.วันอาสาฬห์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับลูกค้ารายนี้ ตอนมาทำผม โดยในตอนนี้ที่ทำผมพร้อมกับทางร้านได้มาเสนอให้บำรุงผม ซึ่งตนก็ไม่กล้าทำ เพราะ ราคาแพง แต่ทางลูกค้าก็บอกว่า หากตนอยากทำ ทำเลย จะออกเงินให้ ตนจึงตัดสินใจทำ ส่วนในกรณีที่ลูกค้ารายนี้มีการแจ้งความว่าถูกข่มขู่ นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในตอนนั้น ตนก็อยู่ด้วย และในเรื่องของราคาที่ทางร้านแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วเพราะราคาค่อนข้างสูง ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งทางลูกค้ารายนี้ก็ตกลงเป็นอย่างดี ในตอนนั้น ตนเองก็ตกใจว่า ทำไมถึงตัดสินใจทำ เนื่องจากราคาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 มิ.ย. (พรุ่งนี้) เวลา 10.00 น. ที่ สภ.โพธิ์แก้วจ.นครปฐม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กัน ซึ่ง น.ส.ณฐิตา ยืนยันว่าพร้อมที่จะเจอคู่กรณีและอยากจะเคลียร์กันให้เข้าใจ