
สิ่งที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตรก็คือ การวิ่ง การว่ายน้ำทะเล และ PT หรือ physical training ลักษณะจะคล้ายกายบริหาร ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ และผ่อนคลายหลังจากวิ่งระยะไกลมา
หลังจากรายงานตัวเสร็จ ครูฝึกจะพาแนะนำสถานที่ต่างๆ ในหน่วยฝึก โดยนักเรียนต้องแบกสัมภาระทั้งหมดออกวิ่งตาม ท่ามกลางอากาศร้อนจัด / ถัดมาช่วงบ่าย เป็นการว่ายน้ำทะเลแบบตัวเปล่า ระยะทาง 1 ไมล์ทะเล หรือ 1,800 เมตร ผลปรากฏว่าช่วงเย็นของวันแรก นักเรียนขอลาออกไป 4 นาย คงเหลือ 46 นาย
แต่ละวัน ครูฝึกจะให้นักเรียนวิ่งสลับกับว่ายน้ำทะเล วันเว้นวัน ระยะทางก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือจะให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ด้วยการลอยตัวในสระ ฝึกดำน้ำ สอนว่ายน้ำท่าต่างๆ และฝึกพายเรือยาง
ในช่วงสัปดาห์แรกมีคนถอดใจขอลาออกทุกวัน โดยวันที่ 2 ของการฝึก ลาออกมากที่สุด 11 คน จนเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ เหลือผู้กล้าไม่ถึงครึ่ง คือ 20 คน ในขณะที่จำนวนครูฝึกตลอดหลักสูตรมี 15 นายระหว่างปฏิบัติภารกิจ แม้ร่างกายบาดเจ็บ สู้ไม่ไหว แต่ก็ต้องวิ่งต่อ ไม่มีหยุด จนบางคนเกิดอาการฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด / รวมทั้ง "ไฮเปอร์เวนติเลชั่น" ซึ่งก็คือเครียดเกินไปจนมือจีบ ร่างกายเกร็ง หายใจไม่ทัน และมีอาการชัก ส่วนใครที่เจ็บหนัก หากเข้าโรงพยาบาลหรือพักเกินเวลาที่กำหนด ก็ต้องให้ออก จำนวนนักเรียนก็ลดลงอีก
เห็นฟ้าใสแดดแรงแบบนี้ พอออกทะเลมาได้ไม่ไกล ฝนก็ตกหนักทันที แต่นักเรียนไม่ได้ย่อท้อ พยายามว่ายไปเรื่อยๆให้ถึงที่หมาย โดยครูฝึกจะจับเวลาไว้ด้วย ใครที่บาดเจ็บหรือถอดใจ จะเห็นว่าเริ่มทิ้งช่วงห่างจากเพื่อนๆไปทุกที แต่เมื่อยังไม่เอ่ยปากถอนตัว ครูฝึกก็จะให้ว่ายน้ำต่อไป
สำหรับนักเรียนที่ว่ายน้ำถึงฝั่งเป็นคนแรก ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนคนอื่นก็ทยอยตามมาและแล้วบททดสอบว่ายน้ำก็จบลง ครูฝึกประเมินว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันนักเรียนมีพัฒนาการขึ้นมาก ทั้งจิตใจและร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทดสอบอีก ล่าสุดแม้นักเรียนจะเหลือเพียง 16 นาย แต่ครูฝึกก็ไม่หนักใจ เพราะหลักสูตรประดาน้ำมีมาตรฐานที่แน่นอน ชัดเจน ถ้าใครพร้อมก็จะได้ฝึกต่อ
สิ้นสุดบททดสอบจิตใจแล้ว ครูฝึกให้นักเรียนร่วมพิธีว่ายครู แล้วปล่อยกลับบ้าน 2 วัน จากนั้นจะเป็นภาควิชาการในห้องเรียน ซึ่งจะเริ่มวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ และกว่าจะได้ครื่องหมาย "หมึกยักษ์" ก็ต้องสู้กันต่อไปจนถึงปลายเดือนกันยายน