เล็ง ! รับชำระหนี้อายัดผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
พบ 9 บริษัทใหญ่วุ่นหนักกับภาระหักเงินเดือนลูกจ้างส่งบังคับคดี จ่อเชิญหารือวางแนวทางอำนวยความสะดวก เล็งเชื่อมโยงเคาน์เตอร์เซอร์วิสรับชำระหนี้อายัดเงินเดือน
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยถึงนโยบายด้านการบริหารจัดการคดี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีว่า หลังจากกรมบังคับคดีกระตุ้นการขายทอดตลาดผ่านการจัดมหกรรมขายทอดตลาดและการขายทอดตลาดในวันเสาร์ จนทำให้สามารถระบายทรัพย์สินใน 2 ไตรมาสของปีงบประมาณ 61 ไปมากกว่า 60,000 ล้านบาท
ดังนั้นจึงได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการจัดทำบัญชีรับ-จ่าย เพื่อชำระเงินให้กับโจทก์หรือฝ่ายเจ้าหนี้ได้อย่างรวดเร็ว ภายในกำหนด 45 วัน และยังได้ขอความร่วมมือไปยังรัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ เพื่อให้รับเงินคืนผ่านระบบอีเปย์เมนท์ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีทรัพย์สินในคดีอายัดเป็นจำนวนมาก บางจังหวัดมีตัวเลขคดีอายัดสูงกว่า 70% เพื่อให้มีมาตรการเร่งรัดดำเนินการกับคดีค้างเกินกว่า 10 ปี จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ธุรการปฏิบัติงานแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี และกำหนด KPI ขึ้นมาประเมินผลงานการขายทรัพย์สินในคดีอายัดและคดีค้างเก่าด้วย
น.ส.รื่นวดี เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมาตนได้รับฟังข้อมูลจากฝ่ายนายจ้าง ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักเงินเดือนลูกจ้างที่ถูกคำพิพากษาให้หักเงินเดือนชำระหนี้ โดยนายจ้างมีหน้าที่หักเงินเดือนส่งให้กรมบังคับคดีทุกเดือน ซึ่งพบว่าฝ่ายนายจ้างไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร โดยเฉพาะนายจ้างรายใหญ่ที่มีภาระต้องหักเงินเดือนนำส่งสำนักงานบังคับคดีตามภูมิลำเนาของโจทก์และลูกจ้าง
" มีแนวคิดที่จะเปิดช่องทางรับชำระเงินจุดเดียว จากนั้นจะพัฒนาต่อยอดไปเชื่อมโยงกับเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่าง ๆ เพื่อรับชำระหนี้อายัด โดยเร็ว ๆ นี้จะเชิญนายจ้างรายใหญ่ที่มีภาระต้องหักเงินเดือนจากลูกจ้างที่ถูกศาลสั่งอายัดเงินเดือนมาประชุมเพื่อกำหนดรูปแบบและแนวทางปฏิบัติร่วมกัน สำหรับกลุ่มนายจ้างรายใหญ่ 9 แห่ง อาทิ บ.มินิแบร์ การรถไฟแห่งประเทศ การไฟฟ้า การประปา และบริษัทการบินไทย เป็นต้น ในส่วนของลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่งอายัดเงินเดือน สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการอายัดเงินในคดี หรือตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือ ผ่านโทรศัพท์มือถือทั้งระบบไอโอเอสและเอนดรอย ผ่านแอพพลิเคชั่น LED Debt Info "
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวอีกว่า สำหรับทรัพย์สินในคดีล้มละลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีค้างเก่านานกว่า 10 ปี มีการบังคับคดีตั้งแต่เจ้าหนี้ยังเป็นวัยรุ่นจนกระทั่งเข้าสู่วัยกลางคนก็ยังไม่เคยได้รับการชำระหนี้ เนื่องจากไม่สามารถขายระบายทรัพย์สินได้ กรมบังคับคดีจึงจัดมหกรรมขายทอดตลาดทรัพย์ของบุคคลล้มละลาย นัดที่ 1 ในวันที่ 26 พ.ค. นี้ ที่อาคารอสีติพรรษ บางขุนนนท์
โดยเป็นทรัพย์ที่ประกาศขายของกองบังคับคดีล้มละลาย 1-6 ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุด จำนวน 71 คดี 453 รายการ มูลค่า 1,600 ล้านบาท โดยมหกรรมดังกล่าวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเป็นผู้ดำเนินการขายทรัพย์สินเอง ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการขายทรัพย์ในคดีค้างเก่าเพื่อดึงเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ