โครงการของกระทรวงคมนาคม ได้มีการวางแผนงานพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟ ท่าเรือ คลังสินค้า ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิตัลมาใช้ เช่น ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และอีกหนึ่งโครงการใหญ่ที่ไทยร่วมมือกับจีน คือโครงการเดินรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปยังภาคอีสาน เชื่อมต่อกับลาวและจีน เพื่อบรรจบกับเส้นทาง One Belt One Road ซึ่งจะทำให้ไทยได้รับประโยชน์ในแง่ของการท่องเที่ยวและขนส่งสินค้า
ด้านรองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน หวัง เสี่ยวเถา กล่าวว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีความมุ่งมั่นต่อโครงการ One Belt, One Road มาก ไทยซึ่งมีทำเลที่ตั้งบนเส้นทาง One Belt, One Road จะได้รับประโยชน์ เพราะโครงการนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และการเงินจีนพร้อมร่วมมือกับไทยในหลายด้าน ทั้งนโยบายระดับสูงภาครัฐ ประสานงานกับมหภาคทั้งการค้าและการลงทุน เพิ่มจุดพัฒนาไทย-จีน พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่มาลงทุนใน EEC และสนับสนุนความสัมพันธ์ระดับประชาชน
โครงการพัฒนาพื้นที่ EEC นั้น มีความเชื่อมโยงกับโครงการ One Belt One Road ทั้งในระดับนโยบายและระดับอุตสาหกรรม โดยในด้านนโยบายนั้นพบว่า Thailand 4.0 ของไทยมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับนโยบาย Made in China 2025 ที่มีเป้าหมายตรงกันคือปรับเปลี่ยนจากการลงทุนที่ใช้แรงงานเป็นหลักไปสู่การส่งเสริมการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น ในด้านอุตสาหกรรม พบว่า หลายอุตสาหกรรมในทั้งสองโครงการ มีลักษณะใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ เป้าหมายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยและจีน ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี
นอกจากนี้ยังมีการเสวนาโดย รองผู้อำนวยการสายการเดินเรือแห่งชาติลาว นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมแห่งยูนนาน ตัวแทนจากสภาวิศวกร และผู้ทรงเกียรติจากภาคเอกชนในงานด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ที่สำคัญที่จะทำให้มองเห็นภาพการพัฒนาอย่างชัดเจนระหว่างไทยและจีนในอนาคต