วิธีการของพวกนี้คือ การลักไก่ สุ่มหาชื่อที่อยู่ส่งของไปยังผู้รับแบบมั่วๆ โดยมีคำสั่งฝากส่งให้บริษัทส่งพัสดุไปรษณีย์ของเอกชน เรียกเก็บเงินปลายทางตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันตามแต่ระยะทางและน้ำหนัก คนที่จะรับพัสดุต้องยอมจ่ายให้แก่พนักงาน บางรายเห็นว่ายอดจ่ายไม่มากนักก็จ่ายเงินไป บางคนก็รับของแทนญาติ บางทีรับมาแล้วยังไม่แกะดู กว่าจะรู้ว่าของที่ส่งมาเป็นขยะ หรือของอะไรก็ไม่รู้ เงินค่าจัดส่งปลายทางที่เราเสียไปก็ถูกโอนจากบริษัทส่งพัสดุเอกชน ไปยังมิจฉาชีพแล้ว
คนพวกนี้หวังผลจากค่าจัดส่งเรียกเก็บปลายทางจากผู้รับพัสดุ / ครั้งหนึ่งน่าจะสุมส่งหาเหยื่อจำนวนมาก หากมีผู้หลงเชื่อ 1 ราย จ่ายค่าส่ง 500 บาท แล้วถ้าหากมีเหยื่อหลงเชื่อ 100 ราย ก็จะได้เงินไปไม่น้อยกว่า 50,000 บาทเลยที่แล้ว เมื่อเทียบค่าแพคกล่องส่งขยะกล่องละ 50 บาท ซึ่งคนเหล่านี้เห็นช่องโหว่ในบริการการรับส่งพัสดุ
สำหรับเรื่องนี้ ทางทีมข่าวได้เช็คข้อมูลจากบริษัทรับฝากส่งของ โดยสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนการรับของในกรณีที่เป็นการเก็บเงินปลายทาง ได้ความว่าบริษัทเป็นเพียงตัวกลางในการรับส่งของ ไม่มีหน้าที่ตรวจเช็คข้อมูลของผู้ส่งหรือผู้รับ ซึ่งผู้ที่สั่งซื้อของหรือผู้รับต้องตรวจเช็คข้อมูลด้วยตัวเอง
เริ่มจากตรวจสอบบริษัทที่ตนได้ทำการสั่งซื้อสินค้าว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ / หากมีสินค้ามาส่งต้องดูให่แน่ใจว่าต้นทางเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้มั้ย / ตามปกติก่อนที่จะมีการส่งสินค้าจะมีการโทรเพื่อคอนเฟิร์มวันเวลาในการส่ง ผู้ส่งสามารถแจ้งว่าไม่สะดวก หรือให้ใครรับพัสดุแทนก็ได้ ที่สำคัญคือหากมีสินค้ามาส่งที่บ้านโดยที่เราไม่ได้สั่ง หรือไม่มั่นใจว่าใช่ของคนใกล้ชิดหรือไม่ ห้ามเปิดสินค้าเด็ดขาด ให้แจ้งพนักงาน / สินค้านั้นจะถูกตีกลับไปยังต้นทาง โดยที่เราไม่เสียเงิน