สำหรับการจัดทำ EIA ของโครงการต้องศึกษาให้ครอบคลุมระบบสิ่งแวดล้อม4 ด้าน ดังนี้
1. ทรัพยากรกายภาพ คือการศึกษาถึงผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน น้ำ อากาศ และเสียง
2. ทรัพยากรชีวภาพ คือการศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อระบบนิเวศน์ ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ สัตว์ป่าสัตว์น้ำ เป็นต้น
3. คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ คือ การศึกษาถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางกายภาพ และชีวภาพของมนุษย์เช่น การใช้ประโยชน์ที่ดิน
4. คุณค่าต่อคุณภาพชีวิต คือการศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดต่อมนุษย์ ชุมชน ระบบเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ วัฒนธรรมประเพณีความเชื่อ ค่านิยม ทัศนียภาพ คุณค่า และความสวยงาม
ทั้งนี้การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ (พรบ.)ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์จำเป็นต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอันเป็นข้อตกลงหรือคำมั่นสัญญาที่เจ้าของโครงการมีให้ไว้ โดยข้อกำหนดใน EIAจะเป็นสิ่งที่แนบท้ายใบอนุญาติต่างๆ เช่น ใบอนุญาตการก่อสร้างดังนั้นหากเจ้าของโครงการไม่ทำตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ หน่วยงานผู้มีสิทธิอนุญาติก็มีสิทธิลงโทษตามระเบียบได้
โครงการที่ต้องประทับตราEIA
ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ.2535 มาตรา 46 ได้มีการระบุเกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยที่เข้าข่ายต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือEIA Approved ดังนี้
- อาคารที่อยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่80 ห้องขึ้นไป ซึ่งอาคารอยู่อาศัยรวม หมายถึงอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด หอพัก อาคารให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัย หรืออาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับหลายครอบครัวโดยแบ่งแยกออกเป็นหน่วยแยกจากกันสำหรับแต่ละครอบครัว
- โครงการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อประกอบการพาณิชย์ที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกินกว่า 100 ไร่
- อาคารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฝั่งทะเล ทะเลสาบหรือชายหาด หรือที่อยู่ใกล้หรือในอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ ที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่รวมกันทุกชั้น หรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป
- โรงแรมหรือสถานที่พักตากอากาศที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
ประโยชน์ของEIA
นอกจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะเป็นประโยชน์ในด้านการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดผู้บริหารโครงการหรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถใช้รายงานดังกล่าวประกอบการตัดสินใจเดินหน้าทำโครงการต่อทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลังเนื่องจากในรายงานจะมีการกำหนดมาตรการป้องกันและติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมไว้
ขณะที่ในส่วนของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็จะได้รับความมั่นใจจากโครงการที่ได้รับตามประทับEIA Approved เรียบร้อยเพียงแต่ต้องตรวจสอบให้ดี เพราะหากซื้อโครงการที่ยังขอ EIA ไม่ผ่านเราอาจจะต้องเสียเวลารอให้โครงการปรับแก้ไขแบบอาคารทำให้เวลาการสร้างยืดเยื้อเพิ่มขึ้นยิ่งไปกว่านั้นในบางโครงการอาจจะไม่สามารถสร้างได้เลยก็มี ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อหรือควักเงินออกจากกระเป๋า อย่าลืมลองถามเรื่อง EIA ของโครงการ หรือเข้าไปตรวจสอบโครงการที่ผ่าน EIA Approved หรือสถานะของโครงการที่สนใจ ได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานนโยบายและแผนพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าวอสังหาฯ คู่มือซื้อขาย และ รีวิวโครงการใหม่ไว้กว่า 10,000 บทความ