svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

จับโกหก! พยาน 'คดีครูจอมทรัพย์' เปิดปากพยานใหม่! ระบุชัดซื้อรถยนต์กระบะของ 'สับ วาปี'ก่อนเกิดเหตุ

วันที่ 18 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านนันทวัน หมู่ 4 ต.กุดแข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านของนายสับ วาปี ผู้ที่ออกมารับสารภาพว่าเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บค 56 มุกดาหาร และเป็นผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยาน 2 ล้อที่มีนายเหลือ พ่อบำรุง ชาวจังหวัดนครพนมจนเสียชีวิต บนถนนสายธาตุ -นาเหนือ อ.เรณูนคร จ.นครพรม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 มีนาคม 2548 เพื่อแกะรอยเส้นทางของรถยนต์คันนี้ที่นายสับ วาปี ให้การรับสารภาพว่า หลังเกิดเหตุ ได้ขับรถยนต์ไปซุกซ่อนไว้ที่กระท่อมกลางไร่อ้อย ก่อนที่จะขายให้กับพ่อค้ารับซื้อของเก่าที่มาพบและสนใจซื้อจึงขายให้ในราคา 20,000 บาท


ผู้สื่อข่าวเริ่มต้น ย้อนรอยตามหารถคันนี้จากบ้านของนายสับ วาปี ซึ่งพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน จึงสอบถามกับชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า นายสับไม่ได้เดินทางมาที่บ้านหลังนี้นานแล้ว มีเพียงอดีตภรรยาและลูกสะไภ้ของนายสับ อาศัยอยู่เท่านั้น แต่ในช่วงกลางวันจะไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะจะออกไปที่ไร่อ้อย ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามเส้นทางไปกระท่อมกลางไร่อ้อยของนายสับ ที่ให้การว่าได้เอารถยนต์ไปซุกซ่อนไว้ จึงเดินทางไปตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนายสับ กว่า 10 กิโลเมตร โดยเป็นถนนทางลูกรัง ตลอดสองข้างทางเป็นทุ่งนาและไร่อ้อย
เมื่อเดินทางไปถึง พบกระท่อมกลางไร่อ้อยหลังใหญ่อยู่ในสภาพเก่า มีห้องน้ำ และเพิกพักมุงสังกะสี รวมทั้งอุปกรณ์การเกษตร มีร่องรอยการอยู่อาศัย แต่ไม่พบอดีตภรรยาของนายสับ ตามที่ชาวบ้านบอก ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นอาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหารถึงเบาะแสของรถยนต์คันดังกล่าว ว่ารถยนต์คันนี้ถูกขายต่อให้กับชาวบ้านรายหนึ่งที่บ้านแก้ง ต.คำปลาหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งอยู่ห่างจากกระท่อมกลางไร่อ้อยของนายสับ กว่า 40 กิโลเมตร จึงเดินทางไปตามที่อยู่ที่ได้รับ
เมื่อไปถึงผู้สื่อข่าว ได้พบกับนายอุบล ไชยบัญ อายุ 64 ปี ชาวบ้านแก้ง ต.คำปลาหลาย ซึ่งยืนยันว่า เคยซื้อรถคันนี้ต่อมาจากนายนิรันทร์ ทูนแก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านนันทวัน หมู่ที่ 6 ใกล้กับบ้านของนายสับ ในราคา 33,000 บาท เมื่อปลายปี 2547 โดยเดินทางไปกับนายประเศียร ทองมหา อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน โดยเป็นการซื้อขายแบบไม่โอนกรรมสิทธิ์ กล่าวคือ ชื่อผู้ครอบครองรถ ยังเป็นชื่อของนายสับ วาปี ซึ่งระบุไว้ในคู่มือรถคันนี้ หมายเลขทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ซึ่งตนเห็นว่าจะซื้อมาเพื่อบรรทุกอ้อย บรรทุกมันจึงไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ เพราะรถยนต์ก็อยู่ในสภาพเก่ามาก หลังจ่ายเงินตนก็ได้เพียงรถกับคู่มือรถมาเท่านั้น

จับโกหก! พยาน 'คดีครูจอมทรัพย์' 
เปิดปากพยานใหม่!
ระบุชัดซื้อรถยนต์กระบะของ 'สับ วาปี'ก่อนเกิดเหตุ


นายอุบล เล่าว่า หลังจากนำรถมาใช้งานได้ประมาณ 3 เดือน ก็พบว่า พ.ร.บ.รถยนต์จะหมดอายุ จึงนำรถไปตรวจสภาพและต่อพ.ร.บ.รถคันดังกล่าว ด้วยตนเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ซื้อรถมา ที่สำนักงานขนส่ง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2548 โดยที่ชื่อผู้ครอบครองรถยังเป็นชื่อนายสับ วาปี หลังจากต่อ พ.ร.บ.เสร็จ ตนก็นำรถมาใช้ขนอ้อยขนมันตามประสาชาวนาชาวไร่ และต่อ พ.ร.บ.ทุกครั้งที่หมดอายุ แต่ด้วยสภาพของรถที่เก่ามาก ใช้งานได้ประมาณ 3 - 4 ปี รถก็เริ่มติดๆ ดับๆ กระทั้งเครื่องพังและสตาร์ทไม่ติดจึงจอดไว้ที่บ้าน ตนเคยสอบถามกับช่างซ่อมว่าถ้าซ่อมจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ช่างบอกว่า 60,000 บาท ตนจึงไม่ซ่อมเพราะแพงเกินไป หลังจากนั้นได้มีพ่อค้ารับซื้อเก่ามาเห็นจึงถามซื้อ ตนเห็นว่ารถขับไม่ได้แล้วจึงขายให้ พร้อมกับคู่มือรถ ในราคา 15,000 บาท เมื่อปี 2551 โดยจ
นายอุบล เปิดเผยว่า หลังจากที่ขายรถยนต์คันดังกล่าวให้กับพ่อค้าขายของเก่า มีผู้ชาย อายุประมาณ 30 ปี เดินทางมาหาตนที่บ้าน เพื่อขอให้ช่วยหาชิ้นส่วนและเอกสารที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ตนซื้อมา โดยตนบอกกับตนว่า เพื่อนของเขาถูกจำคุกในข้อหาขับรถชนคนตาย ตนได้บอกกับชายคนดังกล่าวว่า รถด้ขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าไปแล้วและไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน ชายคนนั้นได้ขอเบอร์ทรศัพย์จนไว้และโทรมาขอให้ช่วยอยู่หลายครั้ง ซึ่งตนก็ปฎิเสธ เพราะไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับรถหลงเกลืออยู่ เพราะเอาให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าไปตั้งตอนขายรถเมื่อปี 2551 แล้ว

จับโกหก! พยาน 'คดีครูจอมทรัพย์' 
เปิดปากพยานใหม่!
ระบุชัดซื้อรถยนต์กระบะของ 'สับ วาปี'ก่อนเกิดเหตุ


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มั่นใจหรือไม่ว่าซื้อรถมาเมื่อไหร่ นายอุบลก็ยืนยันว่าซื้อมาเมื่อปลายปี 2547 แน่นอน โดยมีนายประเศียร ที่เป็นคนพาไปซื้อรถเป็นพยานได้ หลังจากที่ได้รถมา ตนก็ใช้ขับขี่ไปมาระหว่างหมู่บ้านกับไร่นามาโดยตลอด ไม่เคยมีใครมายืมไปใช้งาน และไม่เคยขับไปที่ จ.นครพนมอย่างแน่นอน เพราะรถมีสภาพเก่ามาก ตนยืนยันว่า ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานที่ จ.นครพนม และนับตั้งแต่วันซื้อรถตนก็ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้านายสับ วาปี รู้เพียงแค่ชื่อที่อยู่ในทะเบียนรถเท่านั้น และมาได้ยินชื่อนี้อีกครั้งตอนที่คดีของครูจอมทรัพย์เป็นข่าวทางโทรทัศน์
" เมื่อวานนี้ตำรวจก็มาสอบถามผมถึงรายละเอียดของรถคันนี้ ผมก็ยืนยันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะไปขับชนคนตาย ผมซื้อรถมาเมื่อปลายปี 2547 แต่อุบัติเหตุรถชนจักรยานที่ จ.นครพนม เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 และมีคนบอกว่า เห็นรถยนต์กระบะ ทะเบียน บค 56 มุกดาหารขับไปชนคนตาย มันเป็นไปไม่ได้ และยิ่งมีคนมารับสารภาพว่าขับรถคันนี้ไปชนคนตายมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะรถมันอยู่กับผมตั้งแต่ไปซื้อมาเมื่อปลายปี 2547 "