svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาลให้ "แม่ประนอม-ลูกสาว" ปรับความเข้าใจนอกรอบ ผ่านม.ล.ปนัดดา 5 เม.ย. นี้

ศาลจังหวัดนครปฐม ให้โอกาส "แม่ประนอม-ศิริพร ลูกสาวคนโต" เจรจาปรับความเข้าใจนอกรอบ ผ่านม.ล.ปนัดดา ที่วังวรดิศ ในวันพรุ่งนี้ 5 เม.ย. และนัดไต่สวนคำร้องอีกครั้ง 14 มิ.ย.

เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดไต่สวนคำร้อง นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผา ตราแม่ประนอม ที่ยื่นขอเพิกถอนการถอนฟ้องคดีหมายเลขดำ 861/2558 ที่นางประนอม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอน หรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264 , ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265 , ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341
สืบเนื่องกรณีระหว่างวันที่ 1-26 ธ.ค.57 จำเลยร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามีโจทก์ ว่ามอบอำนาจให้นายกำธร จำเลย โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับนางศิริพร จำเลยที่ 1 แล้วนายกำธร จำเลยได้ไปแจ้งกับเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ให้นางศิริพรจำเลยที่ 1 ซึ่งทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย
โดยคดีนี้ เมื่อนางประนอม ยื่นฟ้องบุตรสาสคนโตและทนายความแล้ว ต่อมาศาลได้ไต่สวนมูลกระทั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ศาลมีคำสั่งให้รับฟ้อง แล้วภายหลังมีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีที่มีการลงลายมือชื่อของนางประนอมแสดงต่อศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ แต่ต่อมา นางประนอม ยื่นคำร้องใหม่ ระบุว่า ในการยื่นถอนฟ้องคดีนั้นไม่ได้เป็นไปโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนนางประนอม โจทก์ ในวันนี้เพื่อพิสูจน์เจตนา
ขณะที่วันนี้เป็นการนัดไต่สวนคำร้องครั้งแรก โดยนางประนอม เดินทางมาถึงศาลเมื่อเวลา 09.15 น. ด้วยรถยนต์โตโยต้า สีบรอนซ์ พร้อมกับนางศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรอง , นายพิสิทธ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความ และผู้ติดตาม 7-8 คน
ส่วนนางศิริพร บุตรสาวคนโตไม่ได้เดินทางมาศาลแต่มอบอำนาจให้นายทวิชา หวังโพคา ทนายความ ร่วมฟังการไต่สวนแทน ขณะที่นายกำธร จำเลยร่วม ก็เดินทางมาศาลร่วมการไต่สวนด้วยตนเอง
ต่อมาเวลา 10.00 น. ศาลจึงได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อไต่สวนคำร้อง แต่ก่อนจะเริ่มกระบวนพิจารณา ศาลชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ขอพูดคุยรายละเอียดทางคดีกับคู่ความก่อนตกลงกันก่อน ศาลจึงขอให้สื่อมวลชนออกจากห้องพิจารณาก่อน
ภายหลังการพูดคุยกับคู่ความทั้งสองฝ่าย นานกว่า 1 ชั่วโมง ศาลเห็นว่า ผลการคดีคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เคลือบแคลงระแวงสงสัยในองค์คณะผู้พิพากษา แต่ขอเลื่อนนัดไต่สวนคำร้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยกันนอกศาล
ศาลพิจารณาแล้ว จึงเห็นควรอนุญาตให้เลื่อนนัดการไต่สวนคำร้องออกไปก่อน โดยนัดอีกครั้ง 14 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ใช้ความระมัดระวังในการให้ข่าวต่อสาธารณชน ไม่ให้กระทบต่อบุคคลหรือองค์กรในกระบวนกานยุติธรรมต้องเสียหายด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณา นางประนอมเดินทางกลับทันที
นายพิสิทธ์ ทนายความของนางประนอม กล่าวว่า ศาลให้โอกาสที่เราจะไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งเมื่อวาน ( 3 เม.ย.) เลขานุการของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรนัดหมายจะให้ไปพูดคุยกัน ที่วังวรดิศ ก็ยังเชื่อเรื่องความเป็นแม่ลูกกันที่จะคุยกันได้ แต่ยังไม่ทราบจะเป็นทิศทางใด ซึ่งหากไกล่เกลี่ยกันได้ก็จะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นต้องมาศาลไต่สวน โดยหากจะนัดเจรจากันพรุ่งนี้ คาดว่าจะเป็นช่วงบ่าย ขณะที่การพูดคุยกันในศาลวันนี้ยังไม่คุยอะไรกันมาก เพียงแต่ศาลถามว่าจะลองพูดคุยกันก่อนหรือไม่ ก็ให้คำแนะนำทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการเจรจาที่จะคุยกันนั้นยังไม่มีการตั้งเงื่อนไขใด เพียงแต่จะคุยปรับความเข้าใจกันก่อนนำไปสู่ข้อเรียกร้องต่อไป
อย่างไรก็ดี ในส่วนคดีแพ่งเรื่องทรัพย์สินที่ฟ้องกันในศาลจังหวัดตลิ่งชันนั้น ก็ยังคงมีนัดไต่สวนคำร้องเรื่องการถอนฟ้องต่อไปในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ช่วงบ่าย แต่หากการเจรจาในวันพรุ่งนี้มีผลคืบหน้า ก็อาจจะมีการแถลงต่อศาลจังหวัดตลิ่งชันให้เลื่อนนัดไต่สวนออกไปก่อน
ขณะที่ นายทวิชา ทนายความของนางศิริพร กล่าวว่า ศาลเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวจึงอยากให้ทั้งสองไปเจรจากันนอกรอบ ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ก็ประสานมาว่า ในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.) ขอให้นางประนอม คุณแม่ และคุณศิริพร ไปร่วมพูดคุยกันที่วังวรดิศ ดังนั้นวันนี้ศาลจึงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะมีโอกาสได้พูดกันจึงขอให้ไปเจรจากันก่อน หลังจากนั้นวันที่ 14 มิ.ย.จึงให้กลับมารายงานผลต่อศาล ขณะที่ศาลก็กำชับเรื่องการให้ข่าวต่อสื่อด้วยว่าอย่าให้กระทบสถาบันใด ขณะที่วันนี้ศาลยังไม่ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า เรื่องนี้หากไต่สวนแล้งจะมีฝ่ายหนึ่งที่ถูก หรือผิดและถูกลงโทษ ดังนั้นเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวศาลจึงอยากให้โอกาสทั้งสองฝ่ายอีกสักครั้ง ส่วนเรื่องคดีทางแพ่งก็แยกกันกับคดีนี้ในศาลจังหวัดนครปฐม