ที่ตึกเคมี2 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวการค้นพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียนMediterranean recluse spiderครั้งแรกในประเทศไทย โดยทีมผู้วิจัยจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกีฏวิทยาฯ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ นำโดยนายนรินทร์ ชมภูพวง นิสิตปริญญาเอก ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจในบริเวณถ้ำ ภายในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.)อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีนายนรินทร์ กล่าวว่าแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าLoxosceles rufescensเป็นการค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย จัดอยู่ในกลุ่มแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงอันดับต้นๆของโลก ซึ่งพิษของแมงมุมจะส่งผลทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันถ่วงที ปล่อยให้แผลติดเชื้อลุกลาม จะนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ต้องระมัดระวัง ไม่ไปจับหรือสัมผัสแมงมุมดังกล่าว สำหรับลักษณะของแมงมุมชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีลักษณะสีเหลืองน้ำตาล บนตัวจะไม่มีลวดลายและเม็ดสี มีลำตัวของแมงมุมสีน้ำตาลเข้มมองแล้วคล้ายกับไวโอลีน จึงเป็นที่มาเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมงมุมไวโอลีน ขนาดลำตัวจากส่วนฐานของเขี้ยวถึงปลายท้องประมาณ7-7.5 มิลลิเมตร ลำตัวมีลักษณะแบนเรียวลู่คล้ายลูกศรในบริเวณส่วนบนที่เป็นที่ตั้งของตา แมงมุมชนิดนี้มีตา3คู่รวม6ตา โดย1คู่อยู่ด้านบนอีก2คู่ขนานกันด้านล่าง ขามี4คู่ เรียวและยาวไปทางด้านข้าง ส่วนท้องมีลักษณะรีมีขนกระจายอยู่ทั่วท้อง ซึ่งการระบุและจำแนกชนิดของแมงมุมอย่างชัดเจนและแน่นอนต้องศึกษาลักษณะของอวัยวะสืบพันธุ์ของตัวผู้หรือตัวเมีย
ทั้งนี้ แมงมุมชนิดดังกล่าว มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีการแพร่กระจายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ประเทศในแถบยุโรป รัสเซีย และออสเตรเลียฯ ส่วนเอเชียจะพบในไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน แต่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนยังไม่มีการพบแมงมุมชนิดดังกล่าว นอกจากประเทศไทย ที่พบเฉพาะภายในถ้ำแห่งนี้เท่านั้น ประมาณ 500 ตัว และเมื่อสำรวจในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 5 ถ้ำก็ยังไม่พบแมงมุมชนิดดังกล่าวนอกจากนั้น ตามลักษณะของแมงมุมชนิดนี้ที่ชอบหลบซ่อนตามซอกมุม ที่แคบ หากินตอนกลางคืนไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่วิ่งเข้าหาคน และถ้าอยู่ที่ไหนแล้วดีก็จะอยู่ที่นั้นไปตลอด ทำให้ทราบได้ว่าแมงมุมจะไม่มีการกระจายไปยังที่อื่นๆ
นายนรินทร์ กล่าวต่อไปว่าจากการสันนิษฐานตามแหล่งที่พบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน หรือถ้ำที่พบนั้นจะอยู่กับเส้นทางรถไฟสายมรณะ จึงเป็นไปได้ว่า แมงมุมชนิดนี้อาจจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยอาจจะมาในระหว่างที่มีการขนส่งวัสดุใกล้กับยุทโธปกรณ์จากญี่ปุ่นมายังไทยเพราะถ้ำนี้เป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์ในการก่อสร้างรถไฟ และตามรายงานของญี่ปุ่นพบแมงมุมชนิดนี้ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากนี้ ทีมวิจัยจะมีการศึกษาวิจัย สำรวจพื้นที่ตามเส้นทางรถไฟสายมรณะว่าจะพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียนหรือไม่ เพื่อพิสูจน์การเข้ามาของแมงมุมชนิดนี้ในประเทศไทยว่าแพร่มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองจริงหรือไม่
ขณะนี้ประเทศไทยมีแมงมุมที่มีพิษร้ายแรง ทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาล ที่สามารถพบกระจายทั่วประเทศไทย แมงมุมแม่ม่ายหลังเพลิงยังไม่พบกระจายมาก ครั้งแรกพบที่จ.ฉะเชิงเทรา และแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน ที่พบเฉพาะในถ้ำ ภายในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.)อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากการได้รับพิษจากแมงมุม หรือถูกแมงมุมกัด ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีการกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตจากแมงมุมก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่เป็นพิษจากแมงมุมแต่เกิดจากอาการแทรกซ้อนอื่นๆนายนรินทร์ กล่าวและว่า ปัจจุบันยังไม่มีเซรุ่มในการรักษา หากโดนกัดจากการไปสัมผัสโดยตรงหรือถูกตัวแมงมุมโดยบังเอิญที่มีแมงมุมอาศัยอยู่ ซึ่งจะมีลักษณะอาการเป็นตุ่มแดงคล้ายยุงกัด ควรรักษาแผลให้สะอาด และขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว หรือถ้าให้ดีให้จับแมงมุมที่กัดไปด้วย เพื่อจะได้รักษาอย่างถูกต้องตามอาการ
นายนรินทร์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม แมงมุมเป็นสัตว์ที่ไม่ทำร้ายใครถ้าไม่ไปยุ่ง และมีความสำคัญต่อระบบนิเวศมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่กินแมลงจะช่วยควบคุมการเติบโตของแมลง ดังนั้น เมื่อพบเห็นแมงมุมอย่าฆ่าหรือไปทำร้าย ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า เมื่อมีการเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปแล้วจะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบ นักสะสมแมงมุมเข้าไปในพื้นที่เพื่อจับแมงมุมออกมาเลี้ยงหรือจำหน่ายนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลเพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในการดูแลของทหาร อีกทั้ง การพบแมงมุมชนิดนี้ ยังจำกัดในวงแคบและไม่กระจายในประเทศไทย
"ดังนั้น ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน แต่ขอให้ทราบถึงสถานะและการกระจายตัวของแมงมุมชนิดนี้เพื่อเฝ้าระวัง เพราะถึงแมงมุมชนิดนี้จะมีชื่อเสียงในด้านพิษที่รุนแรง แต่ข้อมูลจากการวิจัย และการเก็บสถิติเป็นเวลากว่า 10 ปีในต่างประเทศ พบว่า คนที่โดนแมงมุมชนิดนี้กัดมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดแผลรุนแรงจนต้องได้รับการรักษา ทางการแพทย์ และในประเทศบราซิล มีรายงานอัตราการตายของคนที่ถูกแมงมุมชนิดนี้กัดถือว่าต่ำ มีเพียง 0.05 หรือ 47 ราย จากทั้งหมด 91,820 คน และในประเทศไทยยังไม่มีผู้ถูกแมงมุมชนิดนี้กัด หรือทำร้าย แต่หากพบแมงมุมมีลักษณะดังกล่าวและไม่มั่นใจว่าแมงมุมชนิดนี้หรือไม่ สามารถส่งตัวอย่างมาเพื่อตรวจสอบและยืนยันได้ที่ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกีฏวิทยาฯ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯโทร.02-218-5272"นายนรินทร์ กล่าวในที่สุด